¦ ¦ ¦ ¦


ฉบับที่ 6: ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2567


คำนึง
โดย : JUTI



 
“แง๊ว แง๊ว” เสียงร้องที่คุ้นเคย เสียงที่ฉันไม่ได้ยินมานานแสนนาน คืนนี้มันกลับมาทำให้หัวใจของฉันกระตุกอีกครั้ง ฉันมองตามเสียงนั้นไปตรงหน้าต่างห้องนอน ภาพที่ปรากฎเป็นเพียงเงาสลัวในความมืด แต่สิ่งที่สัมผัสได้คล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน รอยยิ้มของฉันผุดขึ้นมาบนใบหน้า ไม่ใช่เพราะการพบกันอีกครั้งในคืนนี้ แต่เสียงนั้นพาฉันย้อนกลับไปยังคืนที่ฝนกระหน่ำ คืนที่ฉันเจอเธอเป็นครั้งแรก... “ไอ้หลง” เสียงของเธอเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด


ในคืนที่ฝนสั่งลาปลายเดือนตุลาโหมกระหน่ำ ก็ปรากฏเสียงร้องแหลมสูงสลับหยุดดังแทรกเสียงฝนขึ้นมา "แง๊ว แง๊ว" เสียง ที่ราวกับเด็กร้อง แต่ก็ไม่ใช่... ฉันยังคงนั่งเล่นกับพี่สาวข้างบ้าน ไม่ได้มีใครสนใจกับเสียงนั้นเท่าไหร่นัก จนกระทั่งฝนซาลง ทุกอย่างนิ่งสงบ...
"แง๊ว แง๊ว" เสียงนั้นยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นเดินตามเสียงนั้นผ่านป่ารกชัดข้างบ้าน ยิ่งลึกเท่าไหร่เสียงยิ่งชัดเจน และฉันก็ได้พบกับสิ่งนั้น... ลูกแมวตัวเล็ก ๆ นอนสั่นเทาขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้ สายตามองมาที่ฉัน ราวกับว่าฉันคือที่พึ่งสุดท้าย
ฉันค่อย ๆ อุ้มมันขึ้นมา ตัวมันเล็กซะจนสามารถนอนในอุ้งมือฉันได้ แต่ฉันก็ตัดสินใจวางกลับลงที่เดิม ฉันหันหลังเดินกลับไปทางเดิม แต่มันก็เดินตามฉันมาอย่างไม่ลดละ แม้ว่าฉันจะพยายามเอากลับไปที่เดิม แต่ไม่ว่ากี่ครั้ง มันก็วิ่งตามฉันอยู่ทุกครั้งไป จนความอดทนของฉันหมดลง “นี่ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ ทำไมถึงดื้อดึงแบบนี้” ฉันเปล่งเสี่ยงออกมาด้วยความรำคาญ สุดท้ายฉันก็ยอมแพ้ ตัดสินใจอุ้มมันไปให้แม่ "จะทำยังไง ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป" ฉันถามแม่ด้วยความหงุดหงิด แม่เพียงชายตามองเผยยิ้มอ่อน ๆ รับลูกแมวเอาไว้ในอ้อมกอด และตัดสินใจเลี้ยงแมวในวันนั้น พร้อมตั้งชื่อให้มันว่า "ไอ้หลง" นั่นคือจุดกำเนิดของชีวิตใหม่ของเธอ

.........


“มาสิ เดินมาใกล้ ๆ ฉันสักหน่อย จะได้เห็นเธอชัด ๆ” ไอ้หลง ไม่รีรอที่จะเดินตามคำร้องขอของฉัน แต่เสียดายที่คืนนี้มันมืดนัก เป็นคืนเดือนดับ ฉันสัมผัสได้แค่เค้าร่างสลัว ๆ
เธอเป็นแมวเพศผู้ สามสี เหตุผลที่แม่เลี้ยงเธอก็เพราะความเชื่อของแม่ที่ว่าแมวสามสีตัวผู้หายาก หากมีไว้ครอบครองจะนำความโชคดีมาให้ แม่รักเธอมาก เราเลี้ยงเธอแบบปล่อยแต่ไม่เคยให้อด มีปลอกคอให้เธอ เป็นสิ่งบ่งบอกว่าเธอมีเจ้าของ เธอสะอาดมาก ถ้าเป็นคนถือว่าหล่อเลยล่ะ เป็นแมวที่เป็นมิตรกับเจ้าของแต่หวงตัวกับคนแปลกหน้า มีความกล้าตามสัญชาตญาณเดิมของสัตว์นักล่า เธอมักจะเข้ามาคลอเคลีย ออดอ้อนฉันกับแม่เสมอ บางครั้งก็ชอบมานั่งบนตัก พันแข้งพันขา ต่างกับฉันที่ปฏิบัติไม่ดีกับเธอเท่าไหร่นัก แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่รู้สึกหลาบจำ เธอยังคงสม่ำเสมอในการแสดงความรักแบบภาษาแมว
ไอ้หลง สิ่งที่ฉันทำไม่ดีกับเธอ ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ นอกจากร่างกายของเธอที่รู้สึกเจ็บแล้ว เธอรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจรึเปล่า ความรู้สึกที่คนเขามักจะเป็นกันน่ะ... ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอรักฉันมาก มากซะจนมองข้ามความเจ็บปวดและอภัยให้ฉันได้ทุกอย่าง ฉันจำได้ไม่ชัดเท่าไหร่ว่าเราอยู่ด้วยกันกี่ปี แต่ เธอ ฉัน และแม่ พวกเราได้มีเวลาในการย้ายไปอยู่ถิ่นใหม่ร่วมกัน....

เช้าตรู่ของวันหยุดวันหนึ่ง ในห้องนอนบ้านหลังใหม่ ฉันยังคงหลับใหลภายใต้ผ้านวมแสนอุ่นนุ่ม ทันใดนั้นฉันก็ต้องสดุ้งตื่นเพราะเสียงของแม่ที่ตะโกนเรียกฉันเคล้าเสียงสะอื้น และบอกว่า "ไอ้หลงตายแล้ว" ฉันเปิดประตูห้องออกไป เห็นใบหน้าแม่อาบด้วยน้ำตา ในมืออุ้มร่างเธอที่ไร้ลมหายใจ ฉันรับรู้ได้ว่าแม่พยายามพยุงตัวเองให้ขึ้นมาบนบ้านให้ได้ แม้ว่าหัวใจจะแหลกสลาย แม่ทรุดลงตรงบันไดขั้นสุดท้ายหน้าบ้าน คร่ำครวญซ้ำ ๆ อยู่เพียงว่า “ใครทำลูก ทำไมมันใจดำอย่างนั้น เจ็บมั้ยลูก” เธอเหมือนแมวที่กำลังหลับสนิท ร่างของเธอขยับไปตามจังหวะที่สั่นสะท้านของแม่ ฉันได้แต่ยืนดูแม่นั่งร้องไห้ ไม่มีคำปลอบใด ๆ โคนต้นมะยมหน้าบ้านคือบ้านหลังสุดท้ายที่แม่บรรจงขุดให้เธอได้นอนหลับพักผ่อน ซึ่งต่อมาก้านมะยมจากตันนี้ก็กลายเป็นไม้เรียวที่แม่ใช้ตีฉัน คงสะใจเธอแล้ว......
เงาร่างของไอ้หลงที่นั่งหย่อนก้นบนขาหลังและเก็บขาหน้าแนบชิดขาหลังอย่างเรียบร้อยยังคงนั่งจ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้น ไม่มีการตอบสนองใด ๆ มันยังคงปล่อยให้ฉันพร่ำเพ้ออยู่เพียงฝ่ายเดียว
สามสิบกว่าปีมานี้เป็นยังไงบ้าง ดาวแมวเหมือนกับดาวโลกมั้ย ฉันก็คิดว่าเธอไปเกิดใหม่ซะแล้ว ไม่คิดว่าจะจำกันได้ เธอคิดถึงแม่บ้างรึเปล่า ตอนนี้แม่ยังมีชีวิตอยู่ ยังอยู่บ้านหลังเดิม แต่ก็แก่มากแล้ว เธอไปหาได้นะ แม่จำเธอได้แน่นอน หลังจากที่เธอจากไป เราก็เลี้ยงแมวจรบ้าง แต่เป็นแค่แมวจร ไม่มีการเลี้ยงแมวจริงจังอีกเลย เธอจงภูมิใจในการเป็นลูกอันดับหนึ่งตลอดไปเลยนะ ตลอดชีวิตของฉันจนถึงวันนี้ เมื่อเห็นแมวตัวอื่น ฉันไม่เคยไม่คิดถึงเธอเลย เธอเป็นแมวที่สอนให้ฉันรู้จักรักแมวตัวอื่น ๆ บนโลกให้มากขึ้น ให้รู้จักมีความเมตตากับสัตว์มากขึ้น สอนให้รู้ว่าจิตใจของสัตว์บางครั้งก็สูงส่งกว่าคนหลายเท่านัก เธอเกิดมาเพื่อเป็นครูฉัน สิ่งดี ๆ ที่ฉันทำกับแมวตัวอื่น ฉันไม่เคยได้ทำกับเธอเลย ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า กอดครั้งสุดท้ายระหว่างเรามันคือเมื่อไหร่ หรือจริง ๆ แล้วมันไม่เคยเกิดขึ้น...
ไอ้หลง ค่อย ๆ ลุกขึ้น เยื้องย่างออกไปช้า ๆ แต่ทว่าสง่างาม "หมดเวลาแล้วเหรอ" เธอจะต้องไปแล้วสินะ ขอบคุณนะที่คืนนี้มาหาฉัน หวังว่าสักวันเราจะได้เจอกันไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร ขอให้ฉันได้ดูแลเธอ ให้ฉันได้โอบกอดเธอ เพราะเธอควรค่าที่จะได้รับความรักโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ

.............................................................


“…ฉันพร้อมฉันเตรียมทุกอย่าง เผื่อเธอยังผูกพันกับความหลัง ถึงรู้ฉันยังเลือกทำ เผื่อเธอกลับมาช่วยทัน…” ท่อนคอรัส อันแผ่วเบาในเพลงก่อนตะวันลับไป ของ Smile Buffalo ปลุกให้ฉันตื่น พร้อม ๆ กับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง การกิน Celebrex 400 มิลลิกรัม คือวิธีแก้ปัญหาปลายเหตุที่ใช้เป็นประจำเมื่อมีอาการปวดไมเกรน ฉันควานหายาและกินทันที ระหว่างให้ยาออกฤทธิ์ ก็ทบททวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่ามันคือเรื่องจริงหรือเป็นแค่ความฝัน จวบจน 30 นาทีผ่านไปอาการก็ไม่ดีขึ้น ฉันจำต้องหยิบ Relpax 40 มิลลิกรัม เอาเข้าปากและรีบดื่มน้ำตาม มันเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่จะช่วยให้สมองของฉันไม่ระเบิดไปซะก่อน เวลานี้อย่าถามหาสติเลย แค่ประคองตัวเองให้นั่งตรง ๆ แทบจะไม่ได้ ทำได้เพียงหลับตาเพื่อให้ทุกอย่างมันสงบและให้ฤทธิ์ของยาค่อย ๆ ทำงาน
ยาวนานเหลือเกิน... การหลับครั้งนี้มันช่างเหน็บหนาวและเงียบงันเหลือคณา ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท พลันรู้สึกบรรยากาศรอบข้างราวกับคืนที่ผ่านมา ด้วยความประหลาดใจก็ผุดคำถามขึ้น “หรือนี่เรากำลังฝันอยู่” ฉันนั่งจมจ่อมอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านม่านหน้าต่างบานกระจกให้พอเห็นเงาสลัวของสรรพสิ่งภายในห้อง ฉันนั่งนึกถึงเรื่องราวในอดีตตั้งแต่เล็กจนโต ช่วงเวลาที่มีความสุขและความยากลำบากในชีวิต ในชั่วขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับความหลัง ก็มีเงาร่างที่ดูคุ้นตาค่อย ๆ เดินอย่างเชื่องช้ามาทางฉัน
"คิดถึงล่ะสิ" คำพูดเจือเสียงเย้ยหยันที่ฉันเปล่งออกไป และค่อย ๆ ประคองไอ้หลงขึ้นมา เอาจมูกถูไถทั่วทั้งตัวมัน ไอ้หลงผละตัวออกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เวลาล่วงเลยไปสักพัก ในที่สุดเจ้าแมวตัวนี้ก็หมดความอดทน กระโดดออกจากอ้อมกอด เดินไปนั่งบนพื้นห่างออกไปเพียงหนึ่งช่วงมือ หันหน้ามาทางฉัน ยังคงนั่งท่าเดิม ท่าที่สามารถมองเห็นหน้าของฉันได้อย่างชัดเจน ส่วนฉันก็ไม่รีรอที่จะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ไอ้หลงฟัง คราวก่อนฉันกลับบ้าน ที่บ้านมีแมวจรอีก 2 ตัว แม่เรียกอีผู้กับอีเมีย และแม่ก็พูดถึงเธอด้วยนะ ไอ้หลงเอ้ย แม่ไม่เคยลืมเธอเลยนะ พักหลัง ๆ แม่ชอบพูดเรื่องความหลัง เรื่องหมาแมวทั้งที่เคยเลี้ยงและไม่เคยเลี้ยง ฉันรู้ แม่คงเหงาน่ะ แต่ฉันก็ทำได้เพียงเท่านี้ แค่รับฟัง...
ฉันนี่เป็นลูกที่ไม่ดีเลยเนอะ ทำแต่งานจนไม่มีเวลากลับบ้านไปหาแม่ แม้ว่าเราจะคุยผ่านโทรศัพท์กันทุกวัน แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับการที่จะได้อยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นอนคุยกันเหมือนสมัยฉันเป็นเด็ก กลับบ้านปีละสองครั้งมันจะไปพออะไร....
ไอ้หลงจ้องหน้าฉัน แววตาคล้ายมีคำพูดมากมายอยู่ในนั้น ฉันไม่สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ เมื่อเจอสายตาเช่นนั้นจากแมว มันชวนให้รู้สึกอึดอัด เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ อยู่ในอกดันขึ้นมาจนถึงคอ “ฉันบอกเธอแล้วไง เธอสามารถไปหาแม่ได้นะ แม่ไม่เคยลืมและยังคงคิดถึงเธอ......ฉันก็ทำแบบนั้นได้เช่นกัน” น้ำเสียงของฉันที่เปล่งออกไป ค่อย ๆ แตกพร่า เบาบาง และเงียบงันในที่สุด และเช่นเคย ไอ้หลงไม่มีการตอบสนองใด ๆ ต่อคำพูดของฉัน
ฉันถอนลมหายใจเฮือกใหญ่และตัดสินใจพูดบางอย่าง “ไอ้หลง หลังจากวันนั้นที่ฉันกลับบ้าน มันก็มีเรื่องไม่ค่อยดีนักเกิดขึ้นกับฉัน จริง ๆ แล้ว ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้วนะ” ฉันหยุดไปชั่วขณะ แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมให้ใจ ประคองเสียงให้นิ่งที่สุด “เธอไม่เจอแม่บ้างเหรอ มาหาฉันวันนี้ก็เปล่าประโยชน์ ถ้าเธอคิดถึงแม่ก็จงไปหาแม่ไม่ใช่มาหาฉัน....”
ฉันขยับตัวไปใกล้ ๆ ไอ้หลง บรรจงลูบขนนุ่มฟูตั้งแต่หัวจรดหาง หวังแต่เพียงว่าจะบรรเทาความคิดถึงแม่ไปได้บ้าง ฉันทำอยู่อย่างนั้น ภายใต้ความเงียบงัน เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ เมื่อได้สติและคิดว่ามันเงียบเกินไปแล้ว ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดเพื่อคลายบรรยากาศที่แสนหดหู่ให้เจือจางลงบ้าง ก็มีเสียงเรียกชื่อของฉันดังขึ้น...

เจน...ฟังฉัน ไอ้หลงพูดแทรกขึ้นมากะทันหัน ทำเอาฉันแปลกใจตาแทบถลนออกจากเบ้า นี่เธอพูดกับฉัน เหลือจะเชื่อจริง ๆ ที่เธอพูดได้
ตอนนี้แม่ยังอยู่ดี อยู่ที่บ้านหลังนั้น หลังเดิมที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ตอนนี้อีผู้กับอีเมียก็คอยสอดส่องดูแลแม่เท่า ๆ กับที่แม่คอยให้ข้าวให้น้ำมัน มันทำหน้าที่แมวจรต่อผู้มีพระคุณได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันเฝ้าดูแม่อยู่ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน เหมือนที่ฉันเฝ้ามองเธอ ครึ่งปีมานี้เธอยังไม่ตระหนักอะไรขึ้นมาเลยใช่มั้ย เธอพูดเรื่องนี้กับฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเราเพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอลืมไปสนิทว่าเหตุการณ์ที่ฉันกับเธอได้เจอกันมันเกิดขึ้นไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เฮ่อ..ไม่สินะการใช้คำว่า “ลืม” ออกจะไม่ยุติธรรมกับเธอ เพราะเธอเป็นคนที่ไม่ได้จะลืมอะไรง่าย ๆ แต่เธอยังไม่รู้ตัวต่างหาก
ณ เวลานี้ ไอ้หลงทำให้ฉันสับสนงงงวยไปหมด “เธอพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” ฉันสวนกลับทันควันหลังจากสิ้นเสียงของไอ้หลง
เจน...ตั้งใจฟังฉันให้ดีนะ เมื่อหกเดือนก่อนหลังจากที่เธอกินยาระงับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เป็นช่วงเดียวกันที่เธอกำลังโทรคุยกับแม่และเดินมารับพัสดุหน้าบ้าน หลังจากวางสายเธอหมดสติกะทันหัน โชคดีที่มันเกิดขึ้นขณะทีแมสเซนเจอร์ยังไม่ออกรถ เขารีบโทรแจ้งกู้ภัย ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ระดมช่วยชีวิตเธออยู่ในรถกู้ภัยนั้น สัญญาณชีพของเธอก็เต้นขึ้นมาอีกครั้งแต่มันก็แค่เสี้ยววินาที ทุกคนช่วยชีวิตเธอกันอย่างเต็มที่ พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว หลังจากนั้นเธอก็หลับใหลไปตลอดกาล
เจน...เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ความคิดถึงนั้นเป็นสิ่งหอมหวานชวนให้มีความสุข แต่มันก็มาพร้อมกับความขมที่ทำให้เธอไม่สามารถปล่อยวางเรื่องราวที่ทำให้เธอเป็นทุกข์ได้ มันยังคงย้ำเตือนถึงความรู้สึกติดค้างในส่วนลึกของใจเธอ ยังแต่จะทำให้เธอไม่ให้อภัยตัวเอง ตอนมีชีวิตอยู่เธอได้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างเธอจะทำได้แล้ว สิ่งที่เธอเคยทำกับฉัน ฉันไม่ติดค้างเลยสักนิด
ส่วนกับแม่นั้น แม่จะเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน หากรู้ว่าลูกสุดที่รักยังคงเจ็บปวดทรมานกับความผิดที่ติดค้างในใจ จนไม่ยอมไปไหน ติดหล่มอยู่ในห้วงความคิดและความรู้สึกผิด ไม่มีแม้แต่สัมปชัญญะ ไปไหนก็ไม่ได้ แม่ที่เธอคิดถึงที่สุดเธอก็ไปหาไม่ได้ วนเวียนอยู่แบบนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์ เธอ ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขในสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วได้ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น เธอไม่ได้โดดเดียว ไม่ได้ไร้ซึ่งคนเข้าใจ ฉันยังอยู่ตรงนี้ เธออยู่กับฉัน และเชื่อว่าแม่ก็เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ ปล่อยวางนะเจน ยกโทษให้ตัวเองได้แล้ว สิ่งที่จะอยู่กับเธอคือความรักของแม่ รักที่บริสุทธิ์มิอาจหาสิ่งใดเทียบได้ โอบกอดความรักที่อยู่ทั่วทุกอณูรายล้อมเธอ และมันจะประคับประคองเธอสู่สุคติชั่วนิจนิรันดร์...






ขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดภายในเว็บไซท์
Copyright by http://www.espressoandcigarette.com