เลเวลของการแอบรักมีอยู่หลายระดับ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นเป็นใคร น่ารักแค่ไหน แต่สำหรับผม ตั้งแต่จำความได้ ผู้ชายตรงหน้าเกินกว่าคำว่าน่ารักไปหลายขุม... ชายหนุ่มหน้าตาขาวผ่องเหมือนกับติดหลอดไฟนีออนเรืองแสงเอาไว้ใต้หนังกำพร้า ตาชั้นเดียวดูโฉบเฉี่ยวรับกับจมูกโด่งรั้น เขาดื้อเอาเรื่อง แต่ผมกลับมองว่ามันน่ารักเหมือนกับพวกลูกแมว เขาเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปียกโชกมีผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว ไม่สนด้วยซ้ำว่าเพื่อนบ้านตรงข้ามจะแอบมองด้วยสายตาแบบไหน เฉลิม - วันนี้มีอาจารย์เลื่อนคลาสไปเป็นเก้าโมงนะ ห้ามเลท! เขาเบ้ปากตอนเห็นข้อความของเพื่อนในกลุ่ม พลางนึกขึ้นได้ว่าแบตเตอรี่ในโทรศัพท์มือถือกำลังจะลดลงจนถึงศูนย์ เขากะเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วชั่วโมง น่าจะพอได้ เขาคิด ก่อนจะเสียบโทรศัพท์มือถือกับที่ชาร์ตแบตเตอรี่ บานหน้าต่างที่ห้องของเขาไหววูบ เขารู้สึกเหมือนถูกมองจากที่ไหนสักที่ ผมรีบหลบสายตาคมคายนั่น ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกจั๊กจี้เพราะมีกระแสไฟฟ้าไหลวนอยู่ในร่างกาย คงเหมือนกับตอนที่เขายิ้มให้ผม มันรู้สึกมวนท้องไปหมด เลเวลที่ 1 ผมรู้สึกว่าเขาน่ารัก ผมได้รู้จักกับ เฉลิม ครั้งแรก จำได้ว่าตอนนั้นเขาน่าจะอยู่มัธยมปลาย เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนที่เอาแต่บ่นว่าไม่พอใจกับผมสั้น ทีแรกผมก็สงสารนะที่ต้องมาทำตามกฎระเบียบบ้าบอที่ไม่ได้ช่วยพัฒนาอะไรเลย คนเก่งแบบเฉลิมควรจะมีสิทธิได้ไว้ทรงผมอย่างที่เขาต้องการ แต่จะว่าไปผมทรงสั้นเกรียนนี่ก็ดูน่ารักไม่เบา ให้ตายเถอะ ผมเริ่มจะรู้สึกว่าเขาน่ารักขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะตอนที่ทำหน้าบูดเหมือนเด็กสามขวบโดนแย่งขนมแบบนั้น น่ารัก... น่ารักเกินไปแล้ววววว เลเวลที่ 7 ผมมักจะมองหาเขา ถ้าเราได้ลองตกหลุมรักใครสักคนขึ้นมาหรือเริ่มที่จะสนใจเขาล่ะก็... เรามักจะมองหาเขาเสมอเวลาที่เขาหายไปจากสายตา ผมนั่งรอเขาอยู่ที่โรงอาหารเหมือนอย่างทุกที เฉลิมอาจไปเข้าห้องน้ำหรือไปซื้อน้ำอัดลมเพิ่ม เขากินน้ำอัดลมไปสองแก้วแล้วนะ ผมควรจะเตือนเขาดีมั้ยว่าน้ำอัดลมพวกนี้กัดกระเพาะและเป็นสาเหตุให้เขาปวดท้องจนต้องบึ่งออกไปหายากินตอนกลางดึก ผมมองตามเขาไปตอนที่เด็กหนุ่มวิ่งพรวดออกไปจากบ้าน ร้านขายยาบ้านพี่เพ็ญอยู่ห่างไปสองสามคูหาก็จริง แต่ก็อดห่วงไม่ได้ คนที่น่าทะนุถนอมที่ภายนอกดูเข้มแข็งแบบเขา ผมแทบไม่อยากจะคลาดสายตาไปเลย ห่วงจัง... หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ “กลับมาแล้วจ้า ซื้อชานมมาฝากด้วย” ผมแอบยิ้ม ที่แท้เขาก็ไปซื้อชานมมาฝากเพื่อนนี่เอง เพื่อนเหรอ... ผู้หญิงคนที่นั่งตรงนี้ดูมีเจตนาที่มากกว่าการจะอยากเป็นเพื่อน ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ ก็ในเมื่อตอนที่หล่อนสบตากับเฉลิม หล่อนเผลอยิ้มออกมาด้วยความเขิน ...เขินแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกกับเขา เลเวลที่ 16 ผมมักจะสังเกตทุกการกระทำของเขา แค่เขายิ้มให้นายเฉลิมก็คิดว่าเขามีใจ ให้ตายเถอะ โตมาด้วยนมแม่หรือนมควายทำไมถึงคิดไม่ได้ว่ายายนี่พยายามจะเก็บแต้มอยู่! ผมคิดว่าตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่รู้จักกับเขามา ผมอาจจะยังรู้จักเขาไม่ดีพอ มันคงมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับเขา แหงล่ะ วันๆหนึ่งนอกจากแอบมองเขา ผมเองก็แทบไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักด้วยซ้ำ การจะรักใครสักคนแค่ชอบมองหน้าเวลาเขายิ้มมันไม่พอหรอกนะ ผมต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาให้มากกว่านี้ เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ... เฉลิมกำลังเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ปี 1 -- ข้อนี้ผมรู้แล้ว เฉลิมชอบกินน้ำอัดลม -- อ่าฮะ ผ่าน เขาชอบเสียจนกินมันแทนน้ำเปล่าได้เลย เฉลิมมักจะชอบไปเดินร้านหนังสือหลังเลิกเรียน -- เขาทำแบบนั้นมาตั้งแต่ยังเรียนมัธยมแล้ว ส่วนที่เขาชอบมีเยอะแยะเต็มไปหมด สี่ปีมานี้ผมรู้หมดแหละ อาจจะรู้มากกว่ายาย ชมพู่ อะไรนี่ด้วยซ้ำ แล้วถามว่าทำไมผมถึงรู้ว่ายายนี่พยายามจะเข้ามาเก็บแต้มน่ะเหรอ ก็ตอนที่เฉลิมไปเข้าห้องน้ำ ผมแอบเห็นว่ายายนี่รับโทรศัพท์ผู้ชายทำเสียงจ๊ะจ๋า คะขา แถมนัดหมายว่าจะชวนกันไปดูหนังคืนนี้เสียด้วยสิ ตอนนั้นเองที่ผมนึกขึ้นได้... เฉลิมเกลียดคนหลอกลวง เลเวลที่ 18 ผมไม่พอใจเมื่อเขาดูสนิทกับคนอื่น ผมกับเฉลิมสนิทกัน แต่มันก็มีเส้นบางๆนั่นแหละที่ทำให้ผมไม่สามารถข้ามมันไปได้ ก็คงเหมือนกับกระจกใสบางๆที่กั้นตรงกลางเอาไว้ ได้แค่เพียงเห็นหน้ากันแต่ไม่มีวันได้ใจ ผมยังจำได้ว่าพี่บี น้ำทิพย์เคยบอกเอาไว้ในเพลง ‘แค่กระจกกั้น’ แต่ดูเหมือนว่ากระจกที่กั้นระหว่างผมกับเขาคงจะหนาเกินไปจนกลายเป็นกำแพงที่ผมเองไม่สามารถเดินทางเข้าไปถึงหัวใจเขาได้เลย “ชมพู่น่ารักเนอะ” ผมอยากจะอ้วก เอาแต่ชมยายนั่นซ้ำๆผซ้ำมา กดไลค์รูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามจะรีไพล์สตอรี่ นี่ยังไม่นับรวมที่เอาไปเพ้อกับคนอื่นในกลุ่มไลน์อีก เอากูไปทอดเถอะ -- ผมแค่คิด แต่ดูเหมือนว่าเฉลิมจะรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจเลยเมินผม แล้วเดินลงไปหาอะไรกินด้านล่าง ตอนแรกผมแอบคิดว่าเขาน่าจะไปหาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อ แต่พอเห็นว่ามีใครมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านถึงได้รู้ว่าไอ้อาการลุกลี้ลุกลนนั่นมันเป็นเพราะยายชมพู่เน่ามาหาเขาถึงบ้าน ไปนัดกันตอนไหน ไม่เห็นรู้ เพราะปกติทุกอย่างที่เกี่ยวกับเฉลิม ผมจะเป็นคนแรกที่รู้ตลอด เฉลิมคงเห็นว่าผมไม่สำคัญแล้ว เขากลับขึ้นมาบนห้องพร้อมด้วยผัดไทย น้ำอัดลม และยาแก้ปวดท้อง ... ผมนิ่งไปเหมือนถูกไฟช็อต ยายชมพู่รู้เรื่องของเขาแทบจะเท่ากับที่ผมได้รู้ ตอนนั้นที่ผมรู้สึกโกรธ แต่จะไปทำอะไรได้มากกว่าการนิ่งเฉย เฉลิมกับผมไม่ได้เป็นอะไรกัน มีแต่ผมคนเดียวที่ชอบเขา รักเขา แอบมองเขามาตลอด... ยายชมพู่ไม่ใช่คนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกหึงหวงด้วยซ้ำ แต่ไม่เคยมีใครที่รู้เรื่องของเขามากกว่าผม ผมเกลียดยายนี่... หวนคิดว่าทำอย่างไรจะทำให้เฉลิมได้รู้ความจริงเสียที! เลเวลที่ 36 ผมรู้สึกห่วงเวลาที่เขาทุกข์ใจ ไม่ใช่แค่ยายชมพู่ที่ปรี๊ดแตกตอนภาพเจ้าหล่อนหลุดออกไปสู่สาธารณะ แม้แต่ผมหรือแม้แต่เฉลิมเองตอนที่ถ่ายรูปพวกนี้เอาไว้ก็โมโหจนแทบจะเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนกัน แม้เฉ,มจะไม่พูด แต่เขาเองก็คงจะสงสัยลึกๆนั่นแหละว่าพฤติกรรมของยายชมพู่มันน่าสงสัย เฉลิมตามไปเจอยายนี่อยู่กับผู้ชายอีกคนที่โรงหนัง ก่อนจะถ่ายรูปเอาไว้แล้วประจานลงโซเชียลเพื่อบีบให้เจ้าตัวยอมรับ แน่นอนว่ามันผิดกฎหมาย ผมเลยลบมันออกจากโซเชียลของเฉลิม แต่นั่นก็น่าจะไวพอที่จะทำให้เพื่อนในมหาวิทยาลัยได้รับรู้ความจริงว่าเฉลิมถูกยายนี่หลอก ผมดีใจนะที่เฉลิมตาสว่างและได้รู้ความจริง แต่การที่เขาเอาแต่เศร้าเพราะอกหักแบบนี้มันก็ทำให้ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีกเลย คลิปตลกหรือมุกตลกที่ผมเปิดให้เขาดู เขาก็กลับกดปิดโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วเมินผมเหมือนทุกที อกหักครั้งนี้คงเศร้ากว่าทุกครั้ง อาจเพราะเฉลิมจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก... มากเสียจนอาจจะหวังไปถึงการคบหาและแต่งงานเลยก็ได้ แม้จะได้รู้จักกับเฉลิมมาไม่นาน แต่เรื่องราวของเขาก็ผ่านหูผ่านตาจนผมพยายามจับต้นชนปลายได้เองว่าเขาเสียพ่อไปตั้งแต่เกิดได้ไม่นาน แม่ที่คิดว่าจะให้ความรักกับเขาได้ก็ตัดสินใจหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปกับผู้ชายคนใหม่ ทิ้งเฉลิมเอาไว้กับยาย ซึ่งตอนนี้แกเองก็แก่จนแทบจะทำอะไรเองไม่ได้แล้ว ดีที่มีหลานอีกคนคอยช่วยเหลือ ชีวิตของเขามันบัดซบเสียยิ่งกว่าตัวละครสักเรื่องที่ผมเคยดูอีก แต่มันจะบัดซบได้มากกว่านี้ถ้าเขาไม่ตัดสินใจทำเรื่องที่เลวร้ายที่สุด “ฮึก...ฮึก...” เขาสะอื้นเหมือนคนจะขาดใจ ผมไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าเขาถืออะไรเข้าไปในห้องน้ำ เฉลิม...ได้ยินผมมั้ย...เฉลิม... แกร๊ก เขาขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ มีเพียงเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังกลบเสียงเรียกของผม ถ้าจมูกของผมได้กลิ่น เดาว่ากลิ่นเลือดมันคงจะคลุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้วตอนนี้ สภาพของคนที่เลือดหมดตัวอาจจะทำให้คนที่เขามาเห็นช็อคจนไม่เป็นอันทำอะไร นี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตายครั้งแรกของเฉลิม แต่ในฐานะคนที่ ‘แอบมอง’ เขามาตลอด ผมรู้ดีว่านี่มันหนักหนาเกินกว่าที่ผมจะรับไหวแล้ว เฉลิม...ได้ยินผมมั้ย... ซ่า... ซ่า... ซ่า... ... ผมเป็นห่วงเขาเหลือเกิน... ใครก็ได้... ช่วยผมที เลเวล 69 ผมอยากคุยกับเขา...แต่ไม่กล้า ‘แม่ซื้อให้นะ’ ‘ครับ?’ เฉลิมมองโทรศัพท์เครื่องแรกในชีวิตด้วยความฉงน ยิ่งสงสัยซ้ำเมื่อคนที่ซื้อให้คือคนที่เรียกตัวเองว่าแม่ ทั้งที่ทิ้งเขาไปหลายปีด้วยซ้ำ แต่กลับมาทำดีกับเขาในวันที่เขาสอบติดโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังระดับประเทศ แถมคนแถวนี้ยังคุยโวกันไม่หยุดว่านางเฉลียวมีลูกดี แต่ไม่น่าไปคว้าเอาไอ้กุ๊ยข้างถนนมาเป็นผัวแล้วหนีตามกันไปเลย ‘ของขวัญ’ นางเฉลียว บอกเสียงเรียบ ‘ตั้งแต่เกิดมาแม่ไม่เคยซื้ออะไรให้ลูกเลย’ ‘ผมไม่อยากได้’ เฉลิมรู้ดีว่าแม่ก็รู้ เขาไม่เคยอยากได้อะไรจากแม่... มีแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละที่เขาจากได้จากเธอ ‘เอาน่า’ นางเฉลียวรู้ดี เฉลิมเป็นคนเปราะบางกว่าที่คิด ตอนพ่อตายก็ร้องไห้ไปสามวันเจ็ดวัน ยิ่งตอนที่เธอบอกว่าจะขอย้ายออกไปอยู่กับผัวใหม่แทบจะมองหน้ากันไม่ติด แต่เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ เหตุผลของผู้ใหญ่ที่เด็กเองก็คงไม่มีวันเข้าใจ ‘ไว้แม่จะแวะมาหาบ่อยๆนะ เฉลิมต้องเข้าใจแม่นะลูก’ ‘ไม่ต้องมาหรอกครับ’ เด็กหนุ่มบอก เขาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำตอนรวบรวมความกล้าโพล่งคำนั้นออกมา ‘แม่ไม่ได้อยากกลับมาหาผมด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะยายขอให้กลับมา’ ทำไมเฉลิมจะไม่รู้ว่าที่แม่กลับมาในรอบหลายปีเพราะยายเป็นคนขอร้องให้กลับมา อย่างน้อยเขาจะได้รู้สึกดี รู้สึกเหมือนกับว่าแม่ใส่ใจเขาเหมือนตอนที่เคยอยู่ที่นี่ แต่ก็นั่นแหละ อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้ว เขาเองก็จะต้องยืนหยัดอยู่คนเดียวให้ได้ ถึงแม้ว่าในวันนี้จะไม่มีแม่ในชีวิตแล้วก็ตาม ‘แม่...’ ‘ผมจะเก็บมันไว้อย่างดี แม่กลับไปใช้ชีวิตใหม่ของแม่ให้มีความสุขมากๆเถอะครับ... ผมโอเค' ความแหลกสลายครั้งนี้ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น แต่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเรื่องนี้ ครอบครัวใหม่ของแม่ก็คงลำบากใจที่แม่จะต้องกลับมาหาเขา เขาเองก็ไม่อยากให้ใครต้องมารู้สึกแย่ ถ้าแม่ฝืนใจกลับการต้องกลับมา เขาก็ขอให้ทุกอย่างมันจบลงวันนี้ดีกว่า แม่จะได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนเขาเองก็ควรจะเข้มแข็งและตั้งใจใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป แม่เดินจากไปแล้ว เฉลิมเห็นว่าสามีใหม่กับลูกของพวกเขายืนรอเราอยู่ตรงนั้นมานานแล้วในระหว่างที่เฉลิมกำลังเลือกซื้อโทรศัพท์ที่แม่ตั้งใจจะมอบให้เป็นของขวัญอยู่ ‘เปิดเครื่องแล้วใช้ได้เลยใช่มั้ยครับ’ เฉลิมถามพนักงานร้านขายโทรศัพท์ เธอพยักหน้า ...ตอนนั้นเองที่ผมได้รู้จักกับเฉลิม แม้ครั้งแรกเขาจะเอาแต่ร้องไห้กับผมจนหลับไปเองก็เถอะ... เลเวล 78 ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข “ผมไม่อยากเล่นแล้ว” “ทำไมล่ะ” “ถ้าผมเป็นเขา ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านั้นยังไงดี” “แต่เธอผ่านมาได้จนถึงเลเวลที่ 78 แล้วนะ ไม่ใช่ใครจะทำได้” “แต่ผมก็ติดอยู่ที่เลเวลที่ 78 นี้มาจะร้อยวันแล้ว” ถ้าเป็นคนตายจริงๆ วันนี้ก็คงจะถึงวันเผา “มีหลายร้อยคนที่ได้ลองเล่นเกมนี้ พวกเขาถอดใจไปตั้งแต่เลเวลที่ 32 ด้วยซ้ำ นายไม่อยากเป็นผู้ชนะเหรอ” แม้ว่าคำว่า ‘ผู้ชนะ’ ที่ดังออกมาจากปากของคนตรงหน้าจะคล้ายเพิ่มประกายไฟขึ้นมาในแววตา แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น การเดินทางจากเลเวล 0 หรือระดับเริ่มต้นของ ‘เกมนี้’ ไปจนถึงเลเวลที่ 99 อันเป็นเลเวลสูงที่สุดของ เกมแอบรัก ทิ้งร่องรอยและบาดแผลเอาไว้ในใจเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด หากคุณมองไม่เห็นภาพ ลองนึกว่าคุณได้ย้อนกลับไปอยู่ในความสัมพันธ์แอบรักพวกนั้น (ปม้คุณจะเป็นคนกำหนดโชคชะตาของตัวละครได้ก็เถอะ!) วนลูปซ้ำแล้วซ้ำแล้ว เมื่อตัวละครตัดสินใจผิดพลาดจนเกิดการตายในเกม บางคนไม่ย่อท้อที่จะเริ่มต้นเล่นมันใหม่ หลายคนกัดฟันไปต่อด้วยหวังจะเอาชนะเป้าหมายของตัวเองไปจนถึงเลเวลสูงสุดที่คุณนักพัฒนาเกมเปรยเอาไว้ว่า หากไปถึงได้ เราจะสามารถเอาชนะความกลัว ความผิดหวังที่เกิดจากการแอบรักได้ “ไอ้อยากน่ะมันอยาก เกมทุกเกมบนโลกใบนี้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อกระตุ้นสัญชาตญาณการอยากเอาชนะของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเกมในชีวิตจริง หรือเกมในระบบแบบที่คุณให้ผมเล่น” “อ่าฮะ” “ผมอาจจะเป็นผู้เล่นคนแรกที่เดินทางมาจนถึงเลเวลนี้ หนทางข้างหน้า ผมไม่รู้หรอกนะว่าจะมีคนสามารถเอาชนะผมแล้วเดินทางไปถึงเลเวลที่ 99 ซึ่งเป็นเลเวลสุดท้ายได้หรือเปล่า แต่คุณควรจะดีใจนะที่มีคนยอมติดอยู่ในสภาวะโคตรจะ Toxic ด้วยเกมจำลองสถานการณ์บ้าๆพวกนั้นมาจนได้เลเวลสูงขนาดนี้” การบำบัดความเจ็บปวด ด้วยการให้พวกเราเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่เกิดจากการจำลองเป็นตัวละครในเกม คือคอนเซปต์สำคัญของเกมนี้ ตอนที่เราตกลงเซ็นสัญญาเริ่มเล่น นักพัฒนาเกมบอกว่าเราสามารถถอนต้วได้ทุกเมื่อ และเมื่อถอนตัว นั่นเท่ากับว่าเรายอมแพ้ในเกมที่เรากำลังจะเล่น ซึ่งในความเป็นจริงพวกเราก็แพ้ตั้งแต่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองแล้วนั่นแหละ เกมนี้มันก็แค่ความหวังครั้งใหม่ที่ออกจะเป็นยาแรงไปเสียหน่อย คุณจะได้รับบทบาทเป็นพระเจ้าที่เฝ้ามองการกระทำของตัวละครที่คุณเลือก สำหรับเขา เลือกที่จะเป็นพระเจ้าในมุมมองของ ‘เฉลิม’ การตัดสินใจของเฉลิมก็คือการตัดสินใจของเขา การแอบรักของเฉลิมก็ล้วนถ่ายทอดมาจากประสบการณ์แอบรักของเขา พวกเราก็แค่ต้องทำภารกิจให้ผ่านในแต่ละเลเวลที่เพิ่มขึ้น ยิ่งอัตราการแอบรักของตัวละครในเกมนี่สูงขึ้น มันจะยิ่งส่งผลต่อตัวละครและตัวตนจริงๆของผู้เล่น หากตัดสินใจพลาดมันก็จะไปสู่จุดจบของตัวละคร แน่นอนว่าพวกเราเริ่มต้นใหม่ได้เรื่อยๆตราบเท่าที่พวกเรายังไหว เพราะสถานการณ์พวกนั้นโคตรจะทำร้ายจิตใจ ยิ่งเลเวลสูงขึ้นไปเรื่อยๆ มันยิ่งส่งลกับผู้เล่นตัวจริง และแน่นอน... ตอนนี้มันทำงานกับหัวใจของผมอย่างหนัก ในฐานะที่คนเล่นเกมแอบรักคนหนึ่ง และผมก็ตัดสินใจแล้วที่จะออกจากเกมนี้... “แปลว่าคุณจะถอนตัว” “ก็คงงั้น” “...” “เพราะต่อให้เฉลิมฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่า ผมเองก็ไม่รู้ว่าสภาพจิตใจที่อยู่ในภาวะโคม่าแบบนั้นจะสามารถพาตัวเองไปจนถึงเลเวลที่สูงกว่านี้ได้หรือเปล่า” “ถ้าอยากนั้น ฉันก็ขอบคุณมากๆนะคะที่คุณสละเวลามาทดลองระบบให้ฉันจนถึงเลเวลที่ 78” “ไม่เป็นไรครับ” “ว่าแต่... ถ้าฉันมีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มให้ คุณจะยอมกลับเข้ามาในเกมนี้มั้ยคะ ถ้าเป็นในเกมมันน่าจะเรียกว่าเควสพิเศษอะไรทำนองนั้น” “ไม่ล่ะ” “แต่ถ้าคุณทำสำเร็จ คุณอาจจะเป็นผู้เล่นคนแรกที่เอาชนะเกมแอบรักและสมหวังเลยก็ได้นะคะ โลกจะต้องจารึกชื่อของคุณไว้ กินเนสบุ๊คจะต้องบันทึก...” “บันทึกว่าผมเอาชนะเกมมาได้ แต่ในขณะเดียวกันชีวิตผมแม่งโคตรจะเฮงซวยน่ะเหรอครับ” “...” “เผื่อคุณยังไม่รู้ อันที่จริงเกมนี้มันน่าจะจบไปตั้งแต่ตอนที่เฉลิมพยายามจะกระโดดตัดหน้ารถในเวลาที่ 34 แล้วด้วยซ้ำ ถ้านักพัฒนาระบบอย่างคุณไม่ดันทุรังหาข้อเสนอนั่นนี่มายื้อเอาไว้จนผมดื้อด้านมาจนถึงเลเวลที่ 78 ซึ่งพอทุกอย่างเฉลยออกมาว่าเฉลิมรู้ความจริงทั้งหมดและตัดสินใจกรีดข้อมือตัวเอง ก่อนจะมีบทสรุปแบบในเกม ผมยังนึกหาเหตุผลไม่ออกเลยว่าถ้าสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นกับผมจริงๆ ผมจะอยากถอดสายน้ำเกลือออกในสภาพปางตายนั่นแล้วกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นจริงๆหรือเปล่า” “ก็ฉันพยายามช่วยอยู่ที่ไงเล่า!” “ผมเก็ทนะว่าไอเดียของเกมแอบรัก อยากทำให้คนแอบรักสมหวัง...” “...” “แต่คงไม่ใช่ทุกคนหรอกนะครับ ที่จะอยากติดลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเล่นเกมนี้จนรู้สึกเหมือนตัวเองได้แอบรักใครสักคนขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เฉลิมที่แอบรักผู้หญิงคนนั้น แต่ในฐานะคนที่เฝ้าดูทุกอย่างของเขามาตลอด ทั้งการใช้ชีวิต พื้นฐานครอบครัวของเฉลิม รู้ว่าเขาเรียนที่ไหน รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือแม้กระทั่งตอนที่เฉลิมตั้งใจจะฆ่าตัวตาย ผมเองด้วยซ้ำที่พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวาง แต่มันไม่มีทาง... เพราะเฉลิมก็เป็นแค่เกม เป็นแค่ตัวตนและสถานการณ์จำลองที่คุณสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ทดลองระบบแบบเราได้เล่น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น... มันทำให้ผมอดจะอินไปกับเขาไม่ได้ จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเฉลิมขึ้นมาแล้วจริงๆ! คุณรู้มั้ย? การแอบรักที่ไม่สมหวังน่ะมันโคตรจะเจ็บเลย และผมคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะครับที่ผมจะเลิก แล้วก็เอาเวลาที่เหลืออยู่ไปทำอย่างอื่น ยังไงก็ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ตอนที่ผมพยายามจะกระโดดตึกลงมา แถมยังเอาเกมพวกนี้มาให้ผมลองเล่นเพื่อฆ่าเวลาในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่ห้องทดลองนี่อีก ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากการเล่นเกมนี้เลยล่ะครับ” เขาได้เรียนรู้ว่าชีวิตของคนเราบางครั้งมันก็ไม่ได้เหมือนในเกมแอบรักที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เวลาตัดสินใจผิดพลาด การแอบรักของเขาส่งผลทำให้เขาคิดสั้นเพราะความไม่สมหวังที่เกิดจากความรัก ยิ่งได้อยู่กับมันไปเรื่อยๆ มันยิ่งทำให้เขาเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเกม ราวกับว่าทั้งเขาและเฉลิมคือคนๆเดียวกัน มันก็คงเหมือนกับเวลาเราดูรายการเรียลริตี้ที่เรา ‘แอบรัก’ ‘แอบเอาใจช่วย’ ผู้เข้าแข่งขันอยู่ลึกๆว่าเขาจะไปสู่จุดสูงสุดของเกม แต่ในเมื่อตอนนี้สภาพจิตใจของเขารับไม่ไหว... ทางเดียวที่จะหยุดความรู้สึกในใจที่เกิดขึ้นมาได้คือต้องออกจากเกม แม้ลึกๆจะอยากรู้ว่าเฉ,มจะมีเส้นทางชีวิตยังไงต่อไปหลังจากนั้น แต่เขาเชื่อว่าการหยุดภาพของเฉลิมเอาไว้ตรงนั้น ยังดีกว่ากลับเข้าไปในเกมแล้วรู้สึกผิดหวังซ้ำๆ นั่นคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ “…หมดคำถาม... งั้นโชคดีนะคะ ผู้เล่น 996”
ขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดภายในเว็บไซท์ Copyright by http://www.espressoandcigarette.com