ไม่ได้ทำร้ายใคร
โดย ปั้นฝัน
5
“จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอทำงานไปด้วย”
ยูจีนลุกพรวดจากเก้าอี้ หันเดินกลับไปทางพื้นที่ทำงาน โดยที่ผู้สัมภาษณ์หนุ่มหน้าตกกระยังไม่ทันได้กล่าวตอบรับสักพยางค์ เขาทำได้เพียงส่งเสียงเอ่ออ่าในลำคอ ก่อนจะรีบกวาดสายตากลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนบนโต๊ะ แอพพลิเคชั่นบันทึกเสียงยังคงทำงานอยู่ ตัวเลขบนหน้าจอบอกเวลาการอัดว่าผ่านมาร่วมชั่วโมงแล้ว
“เอ่อ-” เสียงเขาแหบแห้งด้วยความประหม่า “เชิญเลยครับ แค่… อย่าให้เสียงดังกลบเสียงพวกเราก็พอครับผม” ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแหะแหะ “ไม่งั้นตอนแกะเทปผมคงลำบาก”
“ได้อยู่แล้ว” ยูจีนตอบสั้น ๆ ขณะก้มมองดูสิ่วหลากหลายขนาดในซองหนัง เลือกหยิบมาหนึ่งเล่มที่เหมาะเจาะกับความต้องการตน ชายหน้ากระรีบเลื่อนโทรศัพท์ไปไว้ขอบโต๊ะให้ใกล้กับตัวผู้ถูกสัมภาษณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทะเลาะกับตัวเองอยู่ครึ่งนาทีว่าควรจะลุกหรือไม่ลุกดี แต่สุดท้ายก็จบที่นั่งอยู่ที่เดิม
“อ้อ ต่อจากเมื่อกี้เลยก็ได้ครับ” เขากระแอมไอสองสามที เรียกความมั่นใจของตัวเองคืนมา “เรื่องโปรเจ็คต์ใหม่ของคุณ… หลังลาวงการไปเจ็ดปี ตั้งแต่คุณประกาศว่าจะทำรูปปั้นใหม่จัดแสดงในงานสิ้นปีของหอศิลป์ฯ ทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก ๆ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ยูจีนถามกลับ สายตายังโฟกัสอยู่กับส่วนใบหน้าของรูปปั้น มือจับค้อนเคาะกระทบสิ่ว เกลาให้ส่วนโหนกแก้มเป็นทรงชัดขึ้นจากเดิม “ขอโทษที ผมไม่ได้เข้าเว็บไซต์อะไรมาสักพักแล้ว ไม่รู้เลยว่าเสียงตอบรับเป็นยังไง”
“ดีใจไหมครับพอได้ยินแบบนั้น”
“ก็ดี ดีเสมอ” เขาลงน้ำหนักค้อนอีกที “แล้วก่อนหน้านี้คุณถามผมเรื่องอะไรนะ ที่มัน- สักอย่างเกี่ยวกับ… เรื่องคืนวงการ?”
ผู้สัมภาษณ์หนุ่มรู้สึกน้ำลายหนืดคอขึ้นมาฉับพลัน “เอ่อ… ที่ผมถามว่า… อะไรทำให้คุณตัดสินใจกลับมา… หลังจากเรื่องนั้น”
“เอ้อ อันนั้นแหละ”
“ขอโทษอีกครั้งด้วยจริง ๆ ครับ ผมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรถาม” เขารีบลุกพรวดจากเก้าอี้ โค้งหัวขอขมาจนกระทั่งหลังราบเกือบเป็นเส้นตรง ยูจีนไม่ได้มองทีแรกด้วยซ้ำ พอเจ้าตัวเลื่อนสายตามาเห็นก็ถึงกับชะงักมือ
“นี่… ยืนดี ๆ เถอะ” สิ้นเสียง ชายหน้ากระก็ดีดตัวกลับมาอย่างกับขดสปริง “ผมไม่ได้จะว่าอะไรคุณ ที่เงียบไปตอนนั้นก็แค่คิด” เขาเว้นจังหวะ หันไปเป่าไล่เศษผงออกจากใบหน้าของรูปปั้นค่อยกล่าวต่อ “แล้วตอนนี้ก็ตอบได้แล้ว”
“ค-ครับ” ถ้าแผ่นดินแยกจากกันได้ตอนนี้ เขาก็อยากจะมุดลงไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย “ขออนุญาตจริง ๆ แต่ทีแรก… ผมนึกว่าคุณจะชังการแกะรูปปั้นไปแล้วซะอีก”
ยูจีนหัวเราะ อย่างน้อยมันก็ฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะ “ไม่มีทาง ผมอาจจะชังอะไรหลายต่อหลายอย่าง แต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่ ผมรักมัน” สายตาเลื่อนกลับทางใบหน้าของรูปปั้นหินอ่อน สีหน้าอ่อนโยนของหินอ่อนสลักรูปยิ้มตอบผู้สร้างของมันราวกับกำลังเข้าอกเข้าใจ “บางทีก็คงจะรักมันเกินไป”
ชายตกกระเงียบไปครู่ เฝ้ามองรายละเอียดเล็ก ๆ ในการกระทำของศิลปินตรงหน้า ชั่วจังหวะหนึ่งที่ลืมสิ้นสคริปต์ที่เตรียมไว้ในหัว มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวที่ฟังดูไม่เป็นมืออาชีพนัก
“ต่อให้มันจะข้องเกี่ยวกับ… สิ่งที่ทำให้คุณเจ็บปวดที่สุด น่ะเหรอครับ?”
เป็นฝ่ายยูจีนที่เงียบไปก่อนบ้าง
“ยิ่งเพราะเป็นสิ่งนั้นเลยครับ”
1
“แล้วก็เข้าใจคิดมากเลยนะครับเนี่ย ทำให้รูปปั้นมีรอยแตกร้าว สื่อถึงความร้าวรานทางอารมณ์ แถมยังเหมือนนำเทคนิคคินสึงิมาปรับใช้ด้วย” ชายหนวดงามในชุดสูทอิตาเลี่ยนคัทติ้งเนี้ยบหันมาเอ่ยกับยูจีน รอบตัวเขาเต็มไปด้วยชายหญิงในชุดเสื้อผ้าดูดี มือถือแชมเปญ ค็อกเทล เครื่องดื่มมึนเมากันคนละแก้ว เมื่อแต่ละคนเริ่มทยอยชมชุดผลงาน ห้าระยะก้าวผ่านความเศร้า ของเขากันไปคนละชุด ก็ถึงคราวของหนุ่มมาดโก้สำเนียงยุโรปแปร่งหูคนนี้
“แหม แน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ” อมาร่าได้ทีก็รีบเสริมใหญ่ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องขายโฆษณาตัวเขาก็เป็นงานของเธอในคืนนี้อยู่แล้ว “คุณบริกส์เป็นถึงนักเรียนเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัย เลยได้รับการศึกษาเกี่ยวกับศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก-”
“เปล่าครับ” ยูจีนพูดขัด ก่อนที่อมาร่าจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้ “มีปัญหาการขนส่งตอนผมย้ายที่ทำงานจากสตูดิโอมาที่ห้องพัก งานก็เลยพัง ผมไม่มีเวลาเหลือพอจะทำใหม่ทั้งหมด ก็เลยใช้กาวผสม ๆ ต่อชิ้นส่วนทั้งหมดกลับขึ้นมาให้ทันเวลาส่ง”
แขกทุกคนนิ่งค้างไปเลย โดยเฉพาะหนุ่มสูทอิตาเลี่ยนที่ตอนนี้หน้าเจื่อนเสียจนดูไม่จืด ยูจีนรู้สึกได้ถึงแรงถองศอกที่เอวจากอมาร่า “แต่ก็ขอบคุณมากครับ สำหรับคำตีความที่ลึกซึ้ง” เลยรีบท่องบทที่ซักซ้อมเผื่อกันไว้ออกไป
“ครับผม…” เขาหัวเราะแห้ง ๆ ขณะที่จิบแชมเปญแก้เขิน หญิงสาวผมแดงหยักศกข้างตัวชายหนุ่มจึงรีบกล่าวเสริมขึ้นมาทันที ก่อนบรรยากาศจะร่วงดิ่งลงไปกว่าเดิม “…คุณบริกส์นี่ ตรงไปตรงมามากเลยนะคะ ถ้าเป็นฉันคงจะรีบตอบไปว่า ‘อ้อ ใช่ค่ะ ๆ คุณนี่ตาแหลมจริง ๆ เลยนะ’ ทันทีเลยล่ะค่ะ แบบว่า เผื่อจะมีผู้สนับสนุนคนไหนฟังแล้วรู้สึกว้าวขึ้นมาน่ะ”
“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ รู้สึกได้ทันทีถึงสายตาพิฆาตของอมาร่า “ผมอยากจะซื่อสัตย์ต่อเจตนาและขั้นตอนที่ตัวผมผ่านมาทั้งหมดในการสร้างรูปปั้นชุดนี้ จะให้โกหกปั้นแต่งอะไร ก็คงเหมือนกับเป็นการทรยศตัวเอง”
“แปลว่าคุณต้องภาคภูมิใจในความเป็นศิลปินของตัวคุณเองมากเลยสิ” ชายผมบางวัยกลางคนเอ่ยถามจากฝั่งขวา
“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าการที่ชิ้นงานใด ๆ จะออกมาดี ผู้สร้างจำเป็นต้องมีความภาคภูมิใจ”
“นี่ถือเป็นเคล็ดลับของยูจีน บริกส์ หรือเปล่าคะ” นักข่าวสาวในชุดสูทเข้ารูปลายตารางถามจากฝั่งซ้าย “หรือว่า- อะไรทำให้คุณมั่นใจในชิ้นงาน แล้วก็ตัวคุณเองได้ถึงขนาดนี้กันคะเนี่ย”
ยูจีนรีบยกมือขึ้นเกาจมูก เป็นสัญญาณให้อมาร่าทราบว่า ผมเอาอยู่ เขาคล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจของเธอเบา ๆ แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญเท่าไหร่
“ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีรากฐานมาจากความคิดที่ว่า เราต้องชอบผลงานของตัวเอง” เขาเว้นจังหวะ กวาดสายตามองทุกคนที่กำลังฟังเขาอย่างตั้งใจ “ชอบมัน เป็นแฟนคลับของมัน อะไรก็ได้ ถ้าเกิดว่าคุณเองยังไม่ชอบสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมากับมือ ใครล่ะจะมาชอบมันกับคุณ คุณต้องมั่นใจว่าคุณทำได้ ว่าคุณทำได้ดี ว่ามันออกมาดี และคุณเองก็ชอบมัน ก็เหมือนกับการดูแลสุขภาพ ร่างกายคุณยังไงก็ไม่มีทางดีขึ้นแน่ถ้าคุณไม่เริ่มจากรักตัวเอง เหมือนกับความรัก ที่คุณไม่มีทางจะรักใครได้ หากคุณไม่รู้จักรักตัวเอง”
“แล้ว… ถ้ามันออกมาห่วยล่ะครับ” ชายผมทองเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนในกลุ่มเงียบกันไปจังหวะหนึ่ง เขาเขยิบตัวออกจากหญิงสาวสูทลายตารางที่มาด้วยกันขึ้นมาข้างหน้านิดหน่อย “เราก็ยังจำเป็นต้องรักมันอยู่ดีเหรอ”
“ขนาดคนเป็นพ่อเป็นแม่ยังรักลูกที่ออกมาหน้าตาขี้เหร่ลงเลยครับ เพราะเด็กคนนั้นก็คงโตมามีดีทางไหนสักทาง หรือไม่อย่างนั้นก็คงซ่อมได้ด้วยหัตถการทางแพทย์ เชื่อผมสิ ขนาดพ่อแม่ผมยังไม่ทิ้งผมไปไหน”
ทุกคนไม่แน่ใจว่าควรหัวเราะเลยไหม แต่พวกเขาก็ร่วมกันหัวเราะ
“ความรักที่คุณมีต่อชิ้นงานควรเป็นความรักที่ไร้เงื่อนไข เหมือนกับรักของพระเจ้าน่ะ ต่อให้ใครต่อใครจะว่ายังไงก็เถอะ นั่นแหละคือเคล็ดลับการสร้างผลงานของผม
“เหมือนกับพิกมาเลี่ยน?”
ยูจีนเผลอยิ้ม “คงไม่ได้รักแบบนั้น แต่ก็ดี ถ้ามากได้เท่าพิกมาเลี่ยน ส่วนเรื่องอื่น… ผมรู้ว่าผมคงดูเป็นคนเอาแต่ใจ”
นักข่าวหนุ่มหัวเราะ คราวนี้ฟังดูจริงใจกว่าคราวอื่น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นความเอาแต่ใจที่ไม่ได้ทำร้ายใครนี่”
3
“ยูจีน!” เสียงกระแทกฝีเท้าตึงตังดังไล่มาจากบันไดชั้นล่าง ยูจีนยกมือขึ้นนวดขมับ วางสิ่วลงบนโต๊ะไม้ ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อประตูห้องทำงานก็เปิดโพลง อีริคเดินตรงเข้ามาทางเขา หน้าแดงก่ำเหมือนถ่านไฟปะทุ ก่อนที่มือจะกวาดเอาอุปกรณ์ข้าวของแกะสลักของยูจีนทั้งหมดลงกับพื้น โต๊ะไม้ล้มดังโครม แก้ววิสกี้ที่วางอยู่ด้วยกันแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
ยูจีนตะลึงงัน “…คุณควรจะเคาะก่อนนะ” และนั่นเป็นสิ่งแรกที่เล็ดรอดออกมาจากปากเขาได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มก้มลงไปหยิบโต๊ะขึ้นมาตั้งดังเดิม
“เคาะกับผีนายน่ะสิ!” อีริคปาแท็ปเล็ตใส่หน้ายูจีน เคราะห์ดีที่อีกฝ่ายรับเอาไว้ได้ทันก่อนจะกระแทกเข้ากับหน้า บนหน้าจอแสดงโพสต์กล่าวถึง อี. ผลงานชิ้นใหม่ของยูจีน บริกส์ ศิลปินแกะสลักหินอ่อนชื่อดัง ชายหนุ่มหินอ่อนรูปร่างสมส่วนผิวเนียนละเอียด หัวเราะร่าราวกับเด็กน้อยอารมณ์ดี และเปลือยเปล่าโล่งโจ้ง แสดงถึงสรีระสวยงามทำออกมาเหมือนจริงทุกระเบียดนิ้ว
“นี่น่ะเหรอ เซอร์ไพรส์ของนาย?” อีริคขึ้นเสียง เรียกให้ยูจีนเงยหน้าขึ้นจากแท็ปเล็ตกลับไปมองเขา ใบหน้าสวยงาม เพียงเปลี่ยนจากหินอ่อนเป็นผิวเนื้อมนุษย์ระบายสีทอง เขียว และแทนเกรียมแดด ไร้ซึ่งความสดใสเจิดจ้าเหมือนผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ้าตัว “คือการเอาจู๋ฉันไปโชว์ให้คนทั้งโลกเห็นฟรี ๆ?”
“ถ้าฉันทำให้มันไม่จริง ก็เท่ากับว่าฉันไม่ซื่อตรงต่อตัวตนของนายสิ” ยูจีนขยับเข้ามาใกล้ เอื้อมไปแตะที่แขนทั้งสองข้างของอีริค แน่นอนว่าเขาสะบัดทิ้ง “อีริค นายสวยงามขนาดนี้ จะให้ฉันโกหกคนทั้งโลกว่านายไม่ได้สวยงามเหรอ?”
“เผอิญว่าฉันอยากจะเก็บว่ะ” เขากัดฟันแน่น “เผื่อนายจะลืมไป เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเหล้ากับยา แล้วก็กับความติสท์แตกโง่ ๆ ของนายนะ นั่นมันร่างกายฉัน! ฉันไม่อยากไปโชว์โป๊เปลือยให้ใครก็ไม่รู้เห็น! เป็นล้าน ๆ คน!”
“ฉัน…” ยูจีนเสียงกุกกัก “เพราะฉันรักนาย… นายงดงาม แล้วฉันก็อยากให้คนอื่นได้เห็นความงดงามที่ฉันรัก… ฉันแค่คิดว่า… นายจะชอบ…”
อีริคถอนหายใจ เขาดูเย็นลงหน่อยตอนที่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ขณะที่สบถคำหยาบคายหลายต่อหลายคำอยู่ใต้ลมหายใจ ยูจีนค่อย ๆ ก้มลงไปเก็บสิ่วที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นมาไว้กับมือ กลิ่นวิสกี้ยังหกฟุ้งกระจายเต็มพื้น
“ถอนงานนั่นออกมา” อีริคกล่าวเสียงแข็ง “ถ้าบอกว่าฉันงามนัก นายก็เห็นว่างามไป แต่ฉันให้นายเห็นได้แค่คนเดียว”
“ไม่ได้” ยูจีนรีบปฏิเสธ เขาลุกขึ้นยืน มือเปื้อนวิสกี้กลิ่นหึ่ง “นั่นคืองานที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของฉัน ยอดจองตั๋วมากขึ้นถล่มทลาย ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
อีริคหัวเราะลั่น คราวนี้ฟังดูขมขื่นกว่าคราวอื่น
“มันสำคัญกว่าข้อเท็จจริงที่ว่านายเอาคนของนายไปทำอนาจารเหรอ? ฉันฟ้องนายได้เลยด้วยซ้ำ!” ชายผมทองก้าวเข้ามาตะคอกใส่หน้า ยูจีนสังเกตได้ว่าอีริคสั่นแทบจะทั้งตัว “เลิกบ้าได้แล้ว ยูจีน เมื่อไหร่นายจะหยุดเอาแต่ใจกับเรื่องพวกนี้สักที”
“ไหนนายบอกว่านายชอบ” ยูจีนไม่กล้าแม้แต่จะสบดวงตาสีเขียวคู่นั้น “นายบอกว่านายชอบที่ฉันเอาแต่ใจ… เพื่อวิสัยทัศน์ของตัวเอง”
“เพราะว่าความเอาแต่ใจของนายไม่ได้ทำร้ายใคร” เขาสวนกลับแทบจะทันควัน แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เริ่มสั่นไปพร้อมกับร่างกาย “แล้วดูสิ ตอนนี้มันกำลังทำร้ายพวกเรา”
4
อมาร่าโทรมายี่สิบกว่าสายแล้ว ยูจีนแอบหวังว่าเธอจะเหนื่อยแล้วล้มเลิกความพยายามไปเอง แต่เรื่องนั้นก็ไม่เกิดขึ้น เสียงริงโทนของสายที่ยี่สิบเก้าดังขึ้นอีกครั้งสู้กับเสียงฝนกระหน่ำนอกหน้าต่าง ก่อนที่จะขึ้นเลขสาม ยูจีนยอมแพ้และตัดสินใจรับสาย
เขาไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร
เป็นอย่างนั้นอยู่สิบวินาทีเต็ม
“ฮัลโหล?” เป็นเธอที่แพ้
“ฮัลโหล”
เงียบอีกแล้ว
“…เห็นข่าวแล้วใช่ไหม”
ยูจีนเงียบ ปล่อยให้สายฝนดังทะลุหน้าต่างเข้าลำโพงแทนเสียงพูดของเขา หวังว่าพวกมันจะช่วยตอบคำถามแทนเขาได้ และตัดสินใจความเงียบของอมาร่า และสายฝนจากฟากของเธอ เธอเองก็คงจะเข้าใจ
“เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบกันอยู่ ว่ามีปัญหาโครงสร้างตึกอะไรยังไง” เธอกล่าวต่อ เสียงอ่อนจนเขาหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าเธอกำลังนึกสงสาร “รายชื่อที่นายเห็นในข่าว… ก็คือตามนั้นเลย”
“มีอะไรอีกไหม?”
อมาร่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันได้รับแจ้งมาว่า งานนาย… พร้อม ๆ กับงานอื่น ๆ ในตึก… ก็ไม่เหลือแล้วเหมือนกัน”
ชั่วแวบเดียวเวลาที่เปลือกตาปิดจากการกะพริบ เขาเห็นภาพพวกนั้นชัดแจ่มแจ้ง คอนกรีตและหินอ่อนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ปนกันมั่ว ใบหน้างดงามของอีริค ใบหน้างดงามของ ‘อีริค’ แตกร้าว แหลกกระจาย แน่นิ่ง ไร้ชีวิต ทั้งสีขาวนวล ทั้งสีแทนเกรียมแดด
“ยูจีน?”
“อะไร”
เงียบอีกครั้ง
“คิดอีกที อย่าพูดอะไรเลย”
ยูจีนกล่าว- อีกนิดก็เกือบจะเป็นคำอ้อนวอน
6
ยูจีนส่งหนุ่มหน้ากระนั่นกลับบ้านไปแล้ว เขาถ่ายรูปไปด้วยห้าหกรูป บอกว่าจะคัดไปลงเป็นรูปประกอบบทความในเว็บไซต์ สภาพยูจีนตอนนี้ไม่น่าดูชมเท่าไร ตาโหล หนวดเฟิ้ม ผมไม่เป็นทรง- พอเอาแต่คิดเรื่องงาน ความสำคัญของเรื่องตัวเองก็ถดถอยน้อยลง
เขาหันกลับไปด้านหลัง อีริคยังยืนรอเขาอยู่ตรงนั้น กายเนื้อสีขาวสะอาดห่มคลุมไปด้วยผ้าผืนยาวพันรอบกายเหมือนเหล่าเทวดาในภาพวาด รอยยิ้มอ่อนโยนแย้มไปถึงดวงตา เหมือนกับกำลังกลั้นขำให้กับมุขตลกที่รู้กันดีแค่คนสองคนบนโลก สองมือกางออก เชื้อเชิญให้เข้ามาใกล้ เหมือนจริงทุกระเบียดนิ้ว เว้นแต่เพียงใบหน้าที่ดูร่วงโรยไปบ้างตามกาลเวลา หากอีริคยังอยู่ เขาก็คงเป็นเช่นนี้
“เจ็ดปี” ยูจีนพึมพำ “เจ็ดปีเพื่อนาย”
มือของชายวัยกลางคนเอื้อมไปจับส่วนอกของรูปปั้น บริเวณที่เป็นรอยร้าวผ่ากลางหน้าอกยาวไปจนถึงสะบั้นเอวขวา สายตากวาดไปทางส่วนอื่นบนร่างของรูปสลักที่เต็มไปด้วยเส้นรอยแตกร้าว รอยทั้งหมดถูกเชื่อมไว้ด้วยของเหลวสีทอง
สองมือหยาบกระด้างโอบกอดร่างเย็นเยียบ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะประกบกันกับพื้นแข็งกระด้างนูนเป็นทรงปากของอีริค
โลมเลียอยู่เช่นนั้น
เนิ่นนาน
ไร้ซึ่งสิ่งมหัศจรรย์ใด
2
“น่าแปลกนะครับ คนชอบคุณกันเยอะเชียว” ชายผมทองกล่าวทักยูจีน ระหว่างที่เขากำลังรออมาร่าออกไปขับรถจากลานจอดมารับหน้าโรงแรม “บอกตามตรง พวกศิลปินหน้าใหม่นิสัยมั่น ๆ เนี่ย ผู้หลักผู้ใหญ่เขาไม่ค่อยจะเอ็นดูกันน่ะ”
“ก็เข้าใจได้” ยูจีนยักไหล่ “ผมก็แค่พูดความจริง ถ้าเขารับไม่ได้ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่ไม่ชอบผม ขอแค่ชอบงานของผมก็พอ”
“แปลว่าคุณยอมโดนเกลียดได้ ตราบใดที่งานคุณไม่โดนด้วยงั้นสิ?”
ยูจีนหันเต็มตัวเข้าหานักข่าวหนุ่ม สบเข้ากับดวงตาสีเขียว- เพิ่งรู้บัดนี้เองว่าเป็นสีเขียว ก่อนหน้านี้เขาไม่ยักจะสนใจ
“คงงั้น”
คู่สนทนาหัวเราะร่า “คุณก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรขนาดนั้นหรอก ถ้านั่นจะทำให้คุณสบายใจ”
“ขอบคุณครับ” ยูจีนหัวเราะในลำคอ แล้วบทสนทนาก็ถูกหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้นเมื่อรถของอมาร่ามาจอดเทียบตรงหน้าเขา
“นี่-” ชายผมทองกล่าวทักไว้ก่อนยูจีนจะขึ้นรถไป “ไว้ว่าง ๆ ผมว่าจะขอนัดสัมภาษณ์คุณหน่อย อยากคุยกับดาวดวงใหม่ในวงการงานศิลป์ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะ”
“ผมค่อนข้างน่าเบื่อนะ คงไม่มีประโยคเด็ดอะไรให้คุณไปใช้เป็นเฮดไลน์”
“งั้นก็คิดซะว่าไปกินข้าวกันฉันท์มิตร” เขายื่นมือขวามาทางยูจีน มือสีแทนเกรียมแดด สีเดียวกันทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ และข้อเท้าที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขายาว
เขายิ้มกว้าง “เกือบลืมไปเลย ผมอีริค”
“ผมยูจีน”
“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วน่า” เขาหัวเราะร่า “เป็นแบบนี้ต่อไปนะ ยูจีน ผมชอบที่คุณเป็นแบบนี้น่ะ"