สสาร-สลาย
โดย พิชญะ ลาภาพันธุ์
ห้องของเธอมีน้ำตาเล็ดลอดออกมาหลังปิดตายตลอดคืน เขาได้ยินแต่เพียงเสียงซึ่งโห่ร้องไม่สุดสิ้น หากครั้งนี้เป็นน้ำตาที่ส่งสัญญาณชีวิตออกมา มันเริ่มท่วมท้นจนนองพื้น เขาเคาะประตูเรียกให้เธอออกมา เขาวิ่งไปหาผ้ามาซับน้ำแต่เขาลนเกินกว่าจะหามันเจอ เขาจึงกลับมายังประตูสีน้ำตาลอ่อนบานนั้น ขอร้องและตะโกนให้เธอออกมาจากห้อง เธอตอบรับเสียงขอร้องของเขาด้วยน้ำตาซึ่งไหลล้นออกมามากขึ้นกว่าเดิม มากขึ้นจนผ้าไม่อาจซับ คำขอร้องไม่อาจชดใช้ ซึ่งคำว่าผมขอโทษ ออกมา ออกมาเถอะ กลายเป็นคำพูดซ้ำซ้ำซึ่งได้สลายความหมายไปแล้ว
น้ำตาของเธอนั้นเค็มเหมือนน้ำทะเลใสสีฟ้าอ่อน เมื่อเขานอนลงอาบน้ำตาซึ่งขณะนี้ได้ท่วมถึงข้อเท้าและเพิ่มระดับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ประตูยังไม่ได้เปิดออก สนิทแน่นอย่างที่เป็น ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีคำอธิบายจะให้เธอเข้าใจ เขานอนลงและหลับตา ทำไปโดยสัญชาตญาณ นอนลงบนพื้นและหลับตา ให้เธอได้สัมผัสเขาและร่างของเขาผ่านความเงียบ
ทุกเฉดสีได้กลายเป็นสีแดงเลือด ภาพตรงหน้าของเขาคือพ่อของเธอและเธอเองทางซ้ายมือยืนจ้องลงไปในหลุม ๆ หนึ่ง เขารับรู้ว่าในหลุมนั้นคือผู้หญิงร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้งหลังจากเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นพ่อของเธอ -หนูรู้ว่าพ่ออยากตายตามไปตลอด แต่ยังมีหนู หนูรู้ว่าชีวิตหนูมันเป็นภาระของทุกคน หนูรู้ว่าถ้าพ่อกระโดดลงไป มันจะดีต่อตัวพ่อ และบางทีอาจจะดีสำหรับหนูด้วย บางที- เขาหลังจากได้ยินในสิ่งที่เธอพูด เหมือนคำพูดนั้นได้มีพลังอะไรบางอย่าง มันได้ผลักเขาให้ตกลงไปในหลุมอย่างแผ่วเสียง เขาสัมผัสพื้นดินเหมือนปุยเมฆ เขานอนเคียงข้าง ผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งคนนั้นมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ประคองกอดเขาเอาไว้ เฉดสีเลือดได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม และภาพทั้งหมดได้เปลี่ยนไป
ตอนนี้เขาได้กลายเป็นเขา ทั้งสองเจอกันในตอนที่เธออายุยี่สิบเอ็ดและเขาอายุยี่สิบเอ็ดในสวนสาธารณะใจกลางเมือง หลังจากเจอกันตามที่ ๆ นัดไว้ เธอบอกเขาว่ามีม้านั่งตัวนึงที่เธอชอบไปประจำ สามารถเห็นอ่างเก็บน้ำตรงกลางสวนได้ครอบคลุมและมันเป็นมุมที่สวยมากเวลาพระอาทิตย์ตกดิน เขาและเธอเจอกันในแอพหาคู่ เริ่มต้นคุยกันมาระยะหนึ่งจึงเริ่มออกเดต ระยะเวลาได้เริ่มสร้างสายสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้น เธอเรียนที่คณะอักษร ส่วนเขาเรียนรัฐศาสตร์ จุดร่วมหนึ่งอย่างที่ทำให้ทั้งคู่แมตช์กันในแอพหาคู่ก็คือทั้งคู่ชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นในสวนสาธารณะใจกลางเมืองพวกเขาจึงพกหนังสือมาด้วย เขาในมุมมองของเธอ เริ่มแรกช่างอบอุ่นเหลือเกิน แต่นี่เป็นการสร้างภาพใช่มั้ย เขาถามตัวเอง นี่เป็นตัวเขาจริง ๆ ใช่มั้ย หรือเขาไม่เคยเป็นเขา เพราะตัวตนที่แท้จริงไม่เคยมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตัวเขาเริ่มขัดขืนภาพร่างเฉดสีน้ำเงินครามที่เธอให้เห็น พระอาทิตย์กำลังตกดิน เธอวางหนังสือลง สะกิดเขาที่ยังคงจมลงในหน้ากระดาษ เขารู้ตัวว่าถึงเวลาแล้ว วางหนังสือลง หลังจากภาพที่เขาเห็นปกคลุมด้วยสีฟ้าครามตอนนี้เหมือนเธอจะเปลี่ยนมันเป็นสีปกติเหมือนในวันนั้น ให้เขาและเธอได้เห็นพระอาทิตย์ตกอย่างที่มันเป็น เขาในตอนนั้นเอาหัวซบไหล่เธอ เป็นห้านาทีที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครคนอื่นบนโลกใบนี้ เขาเงยหน้ามองเธอที่ส่งยิ้มให้ อย่างทนไม่ไหว เขาจูบ เฉดสีได้แปรกลับเป็นฟ้าครามอีกครั้ง
พ่อของเธอตายตามแม่ไปเมื่อสองปีก่อนด้วยมะเร็งปอด หลังจากเลี้ยงดูเธอด้วยตัวเองตลอดหลายปี การทำงานเป็นข้าราชการในกรมป่าไม้ไม่ได้มีอิทธิพลต่อชีวิตเธอนัก สิ่งที่พ่อของเธอมีอิทธิพลต่อเธอคงจะมีแต่เพียงความเงียบเวลาเขาโกรธ ความรู้สึกผิดที่พ่อต้องอยู่กับความสูญเสียแทนที่จะตายตามแม่ไปเหมือนที่เธออยากให้พ่อตาย ความตายเป็นของขวัญสำหรับเธอ ชีวิตคือโรคร้าย อย่างแน่นอนก็คือโรคของการอยากตายที่เธอถามตัวเองก่อนเข้านอนและหลับไป วันนี้ฉันพร้อมจะตายรึยัง? เธอเก็บซ่อนมันเอาไว้ ดื่มกินมันไว้ โดดเดี่ยวและคนเดียว
คุณไม่คิดว่าผมก็อยากตายเหมือนกันเหรอ ทุกคนก็อยากตายกันทั้งนั้นแหละ ทุกคนที่อายุใกล้ ๆ กับเรา โลกนี้มันมีอะไรให้เราอยากอยู่ต่อขนาดนั้น นอกจากเรื่องเดิม ๆ ที่วนซ้ำไปซ้ำมา ประสบการณ์ทั้งหมดของเราคือการทำซ้ำคนที่มาบนโลกนี้ก่อนหน้าเรา เราแค่ทำซ้ำมัน แต่คนในรุ่นเราต่างออกไป พ่ายแพ้แล้วจมลง ไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนพวกเขาที่จะลุกขึ้น เรามันอ่อนแอและเปราะบาง โทษตัวเองและไร้ค่า ชีวิตเรียบง่ายที่เราซ้ำเติม
เขาย้ายเข้าไปในบ้านของเธอ บ้านชั้นเดียวสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว มีห้องตรงกลางสำหรับดูทีวี และสวนดอกไม้ที่ไม่ได้ตกแต่งมานาน เขาตัดสินใจว่าจะนอนห้องของพ่อเธอ เพราะเตียงในห้องนอนของเธอเป็นเตียง 3 ฟุตสำหรับนอนคนเดียว อันที่จริงเขาอยากจะบอกเธอว่าให้เธอมานอนห้องพ่อกับเขา เพราะเตียงของพ่อเป็นเตียง 6 ฟุตสำหรับสองคน แต่เขาเกรงว่าพูดออกไปมันจะดูน่าเกลียด -งั้นฉันไปนอนกับเธอก็ได้ คืนนั้นและอีกหลายคืนเขาจะนอนทางซ้ายมือของเตียงและเธอจะนอนทางขวา เธอจะเห็นแสงจันทร์ตลอดคืนเพราะหน้าต่างอยู่ทางทิศตะวันตก บางครั้งเธอก็สงสัยว่าแม่จะนอนฝั่งไหนของเตียง ฝั่งของเธอหรือของเขา เธอกำลังสูดดมกลิ่นเฉพาะของพ่อหรือของแม่ มันไม่ได้สำคัญ เธอเพียงแค่อยากรู้
ฉันจะบอกตรงนี้เลยนะว่าการที่คุณหึงไม่เข้าเรื่องมันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากสำหรับฉัน ถ้าผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ฉัน ถ่ายรูปกับฉัน เป็นเพื่อนฉัน คุณจะเหมารวมว่าทุกคนชอบฉัน มันไม่ได้นะ แล้วฉันจะเข้าสังคมยังไง ทำงานยังไง หึงไม่เข้าเรื่อง / ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมา ดูผมสิ มีพุง เตี้ย ผิวคล้ำ หน้าเป็นสิว ผมมีอะไรที่คนอื่นมีบ้าง ทั้ง.. / ฟังฉันนะ ถ้าฉันไม่ชอบคุณขึ้นมา ถ้าเราไม่แมทช์กันในแอพ ซึ่งนั่นก็แน่นอนแล้วว่าเรามีอะไรเข้ากัน และฉันก็คบกับคุณมาหนึ่งปีกว่าแล้ว ยังจะมีอะไรที่ฉันจะไม่แน่ใจในคุณ ถ้าคุณยังคิดแบบนี้อยู่ ยังไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ ฉันก็อยากให้คุณไว้ใจในฉัน / ไม่รู้ ไม่รู้สิ แต่ถึงยังไงมันก็ไม่มั่นใจในตัวเองสักที ผมมีอะไรดีเท่าคนอื่น / พอได้แล้ว เลิกคิดแบบนี้ได้แล้ว มันทำให้ฉันเจ็บนะ
ทำไมคุณต้องโยนความคิดแง่ร้ายทั้งหมดมาที่ฉันตลอด ทำไมคุณต้องขึ้นเสียงกับฉัน พูดขัดฉัน บางทีฉันขอแค่ได้พูดอะไรบ้าง คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณไม่เคยฟังฉันเลย ทำเหมือนฉันต้องฟังแต่คุณ เถียงไม่ได้ / ผมไม่ได้อยากให้คุณรู้สึกแบบนั้น ผมแค่อยากอธิบายในส่วนของผม ทั้งหน้าที่ที่เราแบ่งกันในบ้าน การที่คุณต้องมารับผมที่ทำงาน ไหนจะเรื่องที่บ้านผมอยากให้เราแต่งงานกันเร็ว ๆ เรื่องนู้นเรื่องนี้ / แต่ทั้งที่ฉันยังอธิบายในส่วนของฉันยังไม่จบเนี่ยอะนะ และเรื่องที่คุณระแวงฉันอีกร้อยแปดพันเก้าครั้ง ไว้ใจกันบ้างได้มั้ย / ผมเคยบอกไปแล้วว่าเรื่องนั้นผมไม่ได้อะไรแล้ว ผมไว้ใจคุณ / แต่คุณก็ยังพูดเหน็บแนม แซะอย่างที่คุณชอบทำ แล้วยัง... / แล้วยังอะไร / ก็นี่ไงกำลังจะพูด คุณขัดอีกแล้ว / ผมขอโทษ พูดต่อเลย / แล้วยังเรื่องเพื่อนผู้หญิงของคุณ ทำไมฉันมีเพื่อนผู้ชายไม่ได้ ไม่ใช่สิ มีได้ แต่คุณจะพูดแซะ หึงไม่เข้าเรื่อง แต่พอเป็นคุณมีเพื่อนผู้หญิงฉันจะได้ข้อแก้ตัวจากคุณที่เถียงไม่ได้ ฉันไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเลยใช่มั้ย / ไม่ ผมไม่ได้จะพูดให้คุณทำแบบนั้น / แต่คุณทำให้รู้สึกแบบนั้น... อยากตาย / อะไรของคุณเนี่ย เลิกทะเลาะแล้วลงท้ายด้วยอยากตายได้มั้ย / แต่ฉันอยากตายจริง ๆ
เธอตื่นเช้า อาบน้ำและปลุกเขาตอนเจ็ดโมง เขาจะงัวเงียและตื่นตอนเจ็ดยี่สิบ รีบอาบน้ำขณะเธอทำอาหารเช้า ไม่ได้ออกไปซื้อเพราะเธอชอบทำอาหาร เขาจะเดินมาห้องครัว จากพ่อของเธอก็กลายเป็นเขาที่เธอทำอาหารเช้าให้ นอกจากสองคนนี้ก็ไม่มีใครอื่น หลังจากนั้นเธอจะขับรถไปส่งเขาที่ทำงาน เขาเป็นบาริสต้าในคาเฟ่แห่งหนึ่งส่วนเธอเป็นพนักงานคาร์แคร์ ทุกอย่างดำเนินไปตลอดเช่นนี้ ทั้งสองคุยกันถึงอนาคตของทั้งคู่ที่มีต่อกัน ผมอยากเปิดร้านกาแฟของตัวเอง ติดที่ไม่มีเงินนี่แหละ / ส่วนฉันก็อยากเปิดร้านอาหาร / งั้นเราเปิดร้านกาแฟกับอาหารคู่กันมั้ยเป็นร้านเดียวกันเลย / เอ้ยย เป็นความคิดที่ดีนะแต่ติดที่ไม่มีตังนี่แหละ / งั้นเรามาเก็บเงินในบัญชีร่วมด้วยกันมั้ย หลังจากนั้นหลังเธอเลิกงาน ขับรถไปรับเขาที่ร้านกาแฟ ทั้งคู่จะวนรถรอบตัวเมือง ชี้บ้านว่างให้เช่าทุกหลังที่หาเจอ โทรถามราคา และคำนวณโดยประมาณด้วยกัน หลังจากนั้นก็กลับบ้าน เธอทำอาหารเย็น บางครั้งเปิดหนังดูด้วยกันสักเรื่อง บางครั้งก็แยกย้ายกันอ่านหนังสือ ปลายทางเดิมคือพวกเขาเข้านอนพร้อมกันทุกครั้ง และเธอตื่นเช้า
บัญชีร่วมที่เปิดไว้ ตอนนี้เพียงพอให้พวกเขาพอตั้งตัวได้ พวกเขานั่งลงบนโต๊ะอาหาร หยิบกระดาษออกมาคำนวณทั้งพื้นที่ ค่าเช่า และทำเลของแต่ละบ้าน งบจัดแต่งเพิ่มเติม สไตล์ร้านที่อยากได้ ค่าวัตถุดิบ ต้องกู้เพิ่มเท่าไหร่ จนในที่สุดทุกอย่างก็ลงตัว เท่านี้คุณก็มีเหตุผลให้อยู่ต่อแล้วนะ ไม่ต้องอยากตายแล้ว / ... / ผมพูดอะไรผิดเหรอ / ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรผิดเลย
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนทั้งคู่ก็ยอมรับความจริงที่ค้นพบได้ในที่สุด ร้านกาแฟและอาหารในเมืองเริ่มทยอยปิดตัว วัตถุดิบทั้งเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบทำอาหารเริ่มแพงขึ้น ธนาคารไม่ให้พวกเขากู้เพราะไม่มั่นใจในกำไร และไม่มีอะไรค้ำประกัน เธอไม่กล้าเอาบ้านของพ่อแม่หรือรถค้ำ ส่วนเขาก็ไม่มีอะไรจะพอค้ำได้เช่นกัน
หลังเรียนจบเธอกลับมาบ้าน เขาจบพร้อมเธอ เป็นคนจากจังหวัดเดียวกัน เป็นอีกเหตุผลที่พวกเขาจับคู่กันในแอพ เพราะอยากคบกับคนที่มาจากจังหวัดเดียวกัน ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน อีกสิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันในตอนหลังคือการไม่ได้ทำงานตรงสายที่จบมาเหมือนกัน แต่นี่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่แต่ละคนตั้งไว้แต่แรก เขาเจอพ่อของเธอหลายครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่ไปกินข้าวบ้านเธอ ครั้งที่สองคือรูปในงานศพของพ่อ ต่อจากนั้นคือรูปในบ้านหลังเขาย้ายไปอยู่ ตอนพ่อเธอเสียเขาจำได้ว่าเธอร้องไห้จะเป็นจะตาย เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นน้ำตาของเธอมากมายขนาดนั้น ช่วงแรกเธอพูดว่าอยากตายบ่อยบ่อย จนแม้แต่เขายังหดหู่ แต่เขาก็พูดว่าไม่อยากเกิดมาเช่นกันอยู่บ่อยบ่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่คำว่าตายใช่มั้ย ใช่มั้ย พ่อเป็นเหมือนส่วนเนื้อหนังมังสาที่ทำให้เธอมีชีวิต และเป็นส่วนของการอยากมีชีวิต เมื่อพ่อตายจาก ชิ้นส่วนได้หายไป เขาที่เหมือนเป็นคนที่มาแทนตำแหน่งแห่งที่ของพ่อ จะเป็นชิ้นส่วนนั้นได้อย่างไรในเมื่อเขาเองก็มีส่วนเสี้ยวของการไม่อยากมีชีวิต
ทำไมคุณต้องทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วยวะ ทั้งที่ผมเป็นผู้ชาย ผมควรที่จะดูแลคุณ ปกป้องคุณ เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ใช่ไง ผมไม่มีอะไรให้ค้ำ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีศักดิ์ศรีห่าเหวอะไรแล้ว เข้าใจผมมั้ย คุณเข้าใจผมมั้ย/ คุณเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย เข้าใจในมุมคุณนะสิ คุณไม่เคยเข้าใจฉัน อยากตาย อยากตายกว่าเดิม ทำไมคุณเป็นนี้ ฉันไม่เข้าใจ คุณดีมาตลอดเลย ยกเว้นแค่ตอนทะเลาะ ที่เหมือนจะยัดเยียดความคิดของคุณเข้ามาในฉัน ทำไม คุณมันบ้า น่าสมเพซ ฉันยั้งแล้วนะที่จะไม่พูด แต่ถ้าคุณทำขนาดนี้แล้วฉันก็จะพูดสักที คุณแม่งมันแค่ไอผู้ชายไม่มั่นใจตัวเอง มานั่งคิดเองเออเองว่าเมียแม่งมีคนอื่น ก็ถ้าจะมีก็เพราะคุณแม่งเป็นแบบนี้นี่แหละ! ใครจะอยากอยู่ด้วยวะ – เขาตบเธอเข้าที่แก้มขวาด้วยมือซ้ายซ้ำอีกครั้ง เธอตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว มองหน้าเขา ไม่มีคำพูด
เธอวิ่งเข้าห้องนอนของเธอซึ่งเตียงไม่ได้รับร่างของใครมาตลอดปีที่เขาเข้ามา กลิ่นของเธอได้หายไปแล้ว เธอล้มตัวลง ทุกสิ่งทุกอย่างมัวมืดเกินกว่าจะเห็นความกระจ่าง จะทนอยู่กับเขาได้มั้ย เธอจะอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย ต้องได้สิ จะเอายังไง จะเลิกมั้ย ถามตัวเองสิ ตอบตัวเองสิ จะรั้งตัวเองกับคนแบบนั้นไปทำไม เธอร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้ เขาเคาะประตู อีกครั้งแล้วอีกครั้ง ออกมา ผมขอโทษ มาคุยกันก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจ ออกมาเถอะ ออกมาได้มั้ย ออกมา ออกมาสิวะ! เฉดสีทั้งหมดกลายเป็นสีดำมืดกลบทุกสิ่งทุกอย่าง
เขาตื่นขึ้นเมื่อรู้ว่ามีคลื่นเบาบางกระทบแก้ม แต่เมื่อลืมตาเขาพบว่าเขาเองก็มีหยาดน้ำตาไหลรินออกมา ผสมเข้ากับมวลความเศร้าสามัญของเธอ เขาลุกขึ้น ปริมาณน้ำตาได้หยุดนิ่ง ไม่เพิ่มพูนและลดลง คงที่ ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง เขาไม่รู้ว่ากุญแจอยู่ตรงไหน และไม่รู้ว่าควรทำยังไงถึงจะเข้าไปได้ ตอนนั้นเขาก็จำได้ว่าห้องของเธอมีหน้าตาทางทิศตะวันตกเหมือนห้องของพ่อแม่ ทิศที่แม่ของเธออาจเคยนอนและเธอได้นอนแทนที่ มองดวงจันทร์ข้างแรมและขึ้นตลอดชีวิตรักของทั้งคู่ในบ้านหลังนี้ เขาออกจากบ้าน หยิบก้อนหินในสวน ก้อนที่ใหญ่ที่สุด ปาเข้าไป กระจกแตก ขณะที่กำลังลักลอบเข้าไป แก้มและมือของเขาได้ถูกบาดเป็นแผล แต่เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวดแผ่ซ่านนั่นมากนัก หากแต่เป็นร่างซึ่งนอนลงบนเตียงขดตัวอยู่ตรงหน้าต่างหากที่เขาสนใจ จากหญิงสีผิวน้ำผึ้งร่างสูงโปร่งอันไม่เหมาะควรสำหรับผู้ชายตัวเล็กแบบเขา เขายังคงคิดแบบนั้น แม้แต่ในตอนที่ร่างของเธอได้กลายเป็นสีขาวนวลจนหมดสิ้น เหมือนน้ำทั้งมวลในร่างได้หายไป แต่ยังคงความอวบอิ่มเอาไว้ เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ขณะที่น้ำตายังนองพื้น ซึมเข้าไปตามพื้น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำการบ้านตอนสมัยเรียนของเธอ รวมถึงประตูไม้สีน้ำตาลอ่อนที่ปิดล็อกเอาไว้
ผมนอนลง ข้างนอกเป็นกลางคืน และคงอีกสองวันดวงจันทร์จะเต็มดวง แก้มและมือยังคงมีเลือดไหล ผมไม่สนใจ ผมนอนลง กอดเธอเอาไว้ ไม่ใช่ร่างอดีตสีผิวน้ำผึ้ง แต่เป็นเธอผู้หลับตาอย่างสนิท ร่างกายที่ขดตัว ผมจัดท่าทางของเธอให้นอนตัวตรง หน้ามองเพดาน มอบความอบอุ่นจากร่างกายผมให้ รู้ว่าความเย็นชื้นนี้เป็นเพราะผม ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะผม เตียงที่เปียกโชกด้วยน้ำตา ผมเข้าร่วมด้วย น้ำตาผมเริ่มไหล
|