¦ ¦ ¦ ¦


ฉบับที่ 17 : ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2568


แอบรักดาวอาทิตย์
โดย Japanese Scissor




‘คุณมีงานเช้านี้หรือเปล่า’ เขาถามหลังจากยื่นมือมาทักทายขณะเดินผ่านโต๊ะดาวไป
‘ไม่’ ดาวตอบทันใดและลุกขึ้นเดินตามเขาเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย ท้องฟ้าหลังหน้าต่างกระจกยังไร้แสงอาทิตย์ เวลาเช้าตรู่จะไม่มีใครมาทำให้ดาวรู้สึกกังวลใจ จากสายตาที่มองตามหลังมา เมื่อดาวย่างเท้าก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของอาทิตย์ ห้องทำงานขนาดเก้าตารางเมตร มีบังตาสูงเมตรครึ่งกั้นระหว่างห้องด้านขวาและซ้าย
‘ตรงนั้นไง สถานทูตฝรั่งเศส’ อาทิตย์เปิดบทสนทนาพร้อมขยับเก้าอี้ทำงานแบบหมุนสีดำตัวใหญ่ออกจากโต๊ะทำงานรูปตัวเอล เพื่อเปิดทางให้ดาวก้าวเข้าไปหยุดยืนหลังโต๊ะ มองตึกรูปทรงประหลาดผ่านกระจกหน้าต่างบานสูงเชื่อมกรอบอลูมิเนียมบนผนังกับเพดาน และนึกแปลกใจที่อาทิตย์ชี้ให้ดูตึกนี้ จากนั้นคิดขึ้นได้ เขาเคยชี้ให้ดูตึกนี้เมื่อยืนคุยกันตรงลานจอดรถชั้นสี่ช่วงเที่ยงของวันศุกร์ที่แล้ว ตอนนั้นมีตึกอื่นบดบังพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาคารสถานทูตไว้ แต่ดาวยังจำสีและเส้นสายงานตกแต่งภายนอกอาคารได้ เสียงอาทิตย์เล่าประวัติอาคารโดยรอบสถานทูต ‘นั้นบ้านทูต ที่ไม่รู้ว่าทูตท่านยังอยู่ในบ้านนี้จริงไหม ท่านอาจหนีไปนอนโรงแรมข้างๆก็ได้’ ดาวหัวเราะเสียงใส ‘ฉันจำได้ จำได้ คุณเคยบอกฉัน อยู่ตรงนั่นไง นั้นไง’
‘ทำไมต้องเสียงดังด้วย’ อาทิตย์ทำเสียงเข้มใส่ เหมือนในหลายครั้งที่ดาวลืมตัว ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นหรือเรื่องที่คุยจนทำเสียงดังเกินไป ‘เออ ใช่ จะเสียงดังไปทำไม ก็คนมันตื่นเต้น ทำไมจะเสียงดังไม่ได้’ดาวคิดในใจและละสายตาจากหน้าอาทิตย์ เพ่งมองไปยังบ้านนั้น แม้จะดูสวยงาม รายรอบด้วยสวนเขียวกว้างกว่าสวนหน้าบ้านหลังไหน แต่น่าสงสัยว่ายังคงเป็นที่พำนักได้จริงหรือไม่ เพราะสภาพภายนอกเก่าแก่เกินบรรยายเมื่อมองมุมสูงจากชั้นที่ยี่สิบเจ็ดจึงไม่แน่ใจว่าประตู หน้าต่าง บันได จะยังใช้งานได้ ดาวเอาปากไปใกล้หูอาทิตย์และตอบด้วยเสียงกระซิบ ‘ก็จริงนะเขาอาจไม่อยู่บ้านพักก็ได้’ แล้วพาตัวเองเข้าไปชิดกระจกตรงหน้า ปลายจมูกสัมผัสกับผิวเย็นเรียบใส ฝามือทั้งสองข้างทาบอยู่ที่ขอบโต๊ะด้านบน นิ้วสอดใส่ช่องว่างระหว่างด้านข้างโต๊ะกับผนังด้านใน ลำแขนเหยียดตรง ต้นขาทั้งคู่แนบกับด้านหน้าโต๊ะไว้ ลำตัวเอียงสี่สิบห้าองศากับพื้นและพยายามเพ่งมองหาคนรอบบ้านทูตแต่ก็ไม่เห็นมีผู้ใด
อาทิตย์ยืนตรงมุมฉากของโต๊ะด้านซ้ายเป็นดาว ด้านขวาเป็นภาพท้องทะเลกว้างไกลยามบ่ายบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดยี่สิบสี่นิ้ว สายตาเขาไล่สำรวจอาคารเบื้องล่าง ปากเล่าเรื่องราวของตึกและเส้นทางที่เขาเคยลัดเลาะเข้าไปตอนยังเยาว์วัย รายชื่อสถานที่สำคัญและบุคคลที่ประทับใจถูกใส่ข้อมูลให้ดาว ทั้งโบสถ์เซนต์คาเบรียล อาเขตที่อยู่ใกล้ วัดม่วงแค ร้านอาหารอินเดียที่ไปกินโรตีกัน รวมถึงไซท์งานก่อสร้างที่มีทาวเวอร์เครนตัวใหญ่ รถขุดดินตัดดินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีคนงานเริ่มทยอยเดินเข้าไปในไซท์
‘โบสถ์สวยมากเลยนะ ตัดกับตึกที่ล้อมมันเอาไว้ เราทำงานที่นี่กันมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เคยพากันเดินไป’ ดาวพูดกับตัวเองมากกว่าชวนอาทิตย์ให้ไปเดินเล่นตามเส้นทางที่เหมือนใกล้แต่สำหรับเขามันไกล ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน
หลังอาทิตย์เล่าเรื่องราวของภาพเบื้องล่างจนสมใจ ดาวก็เลือกได้ว่าเธอชอบเรือนยอดของกลุ่มต้นไม้ใหญ่ซ่อนตัวแนบเนียนไปกับเหล่าตึกราง บ้านช่อง ถนน และเสาไฟ และเมื่อเพ่งให้ลึกลงไป ดาวเห็นเก้าอี้นั่งม้าหินสามตัววางเรียงกันบนเงาทึบใต้ร่มของกิ่งก้านและพุ่มใบไม้ แสงแดดเช้าทอดตัวนั่งบนเก้าอี้นั้นพอดี ดาวมองจากด้านบนนี้ยังรู้สึกอุ่นและนุ่มสบาย ความคิดบอกตรงนั้นอาจจะร้อนอบอ้าวก็ได้
ดาวไล่สายตาตามแต่ละเรือนยอด มีทั้งต้นไม้ใบเขียวเข้มขึ้นปกคลุมหนาแน่นจนดูเป็นสีเทาดำ ต้นไม้พุ่มกว้างกิ่งก้านแผ่ไพศาลออกไป มีต้นหนึ่งผลัดใบหมดแล้วเห็นกิ่งแขนงขนาดกลางจนเล็กแผ่กระจายจากลำต้นกลมใหญ่ บางต้นเป็นพุ่มแคบแต่มียอดสูงกว่าใคร ต้นข้างๆมีใบสีเขียวอ่อนดูบอบบางและเต้นรำได้เมื่อโดนลมพัดให้พริ้วไหว ดาวชอบต้นมีดอกเล็กสีส้มแดงขึ้นแต้มประปลายและสะดุดตาต้นมี ดอกสีเหลืองสดปกคลุมจนแทบไม่เห็นใบ ต้นไม้ที่ดาวรู้จักดีเป็นต้นมะพร้าว แต่ดาวก็ไม่แน่ใจมันอาจจะเป็นต้นปาล์มก็ได้
‘ฉันชอบตรงยอดไม้นั้นที่สุด’ ดาวพูดเบาๆละสายตาจากภาพเบื้องล่างหันหลังมาจะเรียกให้อาทิตย์เข้ามาดูใกล้ๆ แต่เขามายืนชิดติดด้านหลังดาวอย่างไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ขนที่แขนและหลังคอของดาวลุกชันและดาวกลั้นหายใจ เมื่ออาทิตย์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ มือหนึ่งสัมผัสข้อศอกดาว อีกมือทาบที่กลางหลัง โอบทั้งร่างของดาวไว้ ไม่มีคำพูดใด ริมฝีปากอาทิตย์ก็วางบนริมฝีปากเธอแล้ว ดาวหลับตารับรสชาติอุ่นของพระอาทิตย์ยามเช้า ภาพพุ่มไม้น้อยใหญ่สีเขียวแซมส้มเหลืองถูกแทนที่ด้วยกลุ่มก้อนเมฆนุ่มสีขาวลอยกระจัดกระจายบนพื้นสีฟ้าอ่อนสดใส ลิ้นของอาทิตย์ที่กำลังวิ่งเล่นในปากทำเอาขาและเข่าของดาวอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว พระอาทิตย์แผดเผาดวงดาวจนลุกเป็นไฟ อาทิตย์พยุงร่างดาวไว้พร้อมปัดกองหนังสือบนโต๊ะให้พ้นทาง วางเธอให้นั่งบนโต๊ะ ดาวสูดหายใจเข้า ยกมือข้างหนึ่งวางบนไหล่เขา อีกข้างสัมผัสท้ายทอยและดึงให้เขาแนบชิดเข้ามาใกล้ ลิ้นทั้งสองยังคงขยับเวียนวนไม่ยอมหยุดจนจะละลายหลอมรวมกัน ไม่มีลมใดใต้ร่องจมูกของดาว หากแต่เพียงซอกเล็กๆระหว่างริมฝีปากเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ให้ควันสีขาวถ่ายเทได้ ดาวรู้สึกแน่นในอกแล้วรู้ตัวว่ากำลังกลั้นหายใจ จมูกจึงเริ่มสูดลมเข้าแผ่วเบา ลมที่เป่าออกมาสัมผัสผิวหน้าเขาอย่างไม่ตั้งใจ เหมือนลมพัดถ่านแดงให้ยิ่งกระพือ ลิ้นที่เคยเรียบเย็นดั่งน้ำแข็งไสตอนนี้เหมือนน้ำมันเล่นกับไฟ ลุกโชน เผาไหม้ ล่วงล้ำ เหมือนลาวาบนลิ้นไหลลงสู่ขั้วหัวใจ ‘อาทิตย์พอแล้ว พอ’ เสียงซึ่งดังก้องในหัวกลับกลั่นออกมาได้แค่ ‘พอ’ เสียงกระซิบจากซอกปาก เสียงดาวถูกดูดให้เงียบไป ดาวขยับถอยหลัง มือที่เคยวางบนบ่าลดลงมายันพื้นโต๊ะข้างตะโพกซ้าย มืออีกข้างทาบอกอาทิตย์ไว้
อาทิตย์โน้มทั้งตัวเข้าใส่ร่างของดาว ดาวอยากให้รอบตัวเป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าสีดำสนิทตัดกับเมฆสีม่วงส้มเป็นเส้นบางและยาวเป็นสาย ท้องฟ้ายามค่ำคืนของหน้าร้อน มีดาวเหนือเพียงดวงเดียวเท่านั้นที่ยังคงส่องแสงรำไร ‘ไม่ใช่ตอนนี้ อาทิตย์ นี่จะเจ็ดโมงแล้ว อาจมีใครกำลังกดปุ่มออกจากลิฟท์ อาจมีใครกำลังใส่รหัสเปิดประตูเข้าสู่สำนักงาน อาจมีใครกำลังเดินเลี้ยวผ่านห้องถ่ายเอกสาร และอาจมีใครกำลังจะเห็นเราจูบกันอยู่ก็ได้’ ดาวคิดอย่างรวดเร็วในหัว
‘พอ พอก่อน’ ดาวพูดเสียงดังลั่นในใจ
‘พอ’ เพียงเสียงเล็กๆที่เล็ดลอดออกมาจากไรฟัน ส่วนลิ้นยังปั่นป่วนลื่นไหล ดาวขยับตัวให้ตั้งตรง เท้าทั้งสองข้างลงมายืนบนพื้นห้อง ฝามือและนิ้วทั้งสิบวางบนอกอาทิตย์ ในใจอยากผลักกล้ามแน่นๆนั้นออกไปให้ไกล ให้อาทิตย์กระเด็นไปนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้านหลัง แต่ดาวหยุดมือเมื่อสัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจ มันบ้าคลั่งไม่แพ้ลิ้นของเขา
อาทิตย์สูดหายใจลึกเหมือนคนที่พึ่งทะลึ่งขึ้นมาจากน้ำหลังลงว่ายมาเป็นระยะทางไกล ลิ้นหยุดทำงานชั่วขณะ ดาวจึงถอนริมฝีปากให้หลุดออกจากการถูกควบคุมได้ มือทั้งสองข้างผลักตัวอาทิตย์ออกไป แม้จะไม่ได้ห่างจนมีระยะที่ปลอดภัยแต่ก็ถือว่าไม่ได้ใกล้ ดาวเคลื่อนตัวเลี่ยงอาทิตย์อย่างว่องไว พยายามไม่ให้ร่างกายสัมผัสส่วนไหนของตัวเขา แล้วมายืนตั้งหลักอยู่ด้านหลังเก้าอี้รับแขก อาทิตย์มอง เอื้อมมือจะจับแขนดาว แต่รั้งไว้ไม่ได้
ตอนนี้มีเพียงเก้าอี้ที่ช่วยกำบังร่างกาย กับรอยยิ้มที่ดาวมอบให้ อาทิตย์ยิ้มตอบกลับมา ไม่ต้องมีคำพูดใด สำหรับเช้านี้ พอแล้ว ภาพหลังหน้าต่างกระจกใส่ที่เคยไร้แสงอาทิตย์ เมื่อตอนที่ดาวเริ่มมองหาอาคารสถานทูตฝรั่งเศส ตอนนี้มีแสงสีส้มอำไพส่องใส่จนแสบตา รอยจูบที่รู้สึกแสนเนิ่นนาน เวลาแท้จริงเพียงเสี้ยวอึดใจ กลิ่นตัวของอาทิตย์ยังติดปลายจมูกดาว รสชาติละมุนของแสงพระอาทิตย์ยังอุ่นอยู่บนลิ้นในทุกย่างก้าวที่เธอเดินออกจากห้องนั้นไป
ดาวกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเอง รู้ตัวว่าแก้มยังแดงก่ำโดยไม่ต้องสงสัย ยกมือที่เย็นเฉียบประคบหน้าที่ร้อนผ่าว หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ในท้องเหมือนกลืนเครื่องซักผ้าเข้าไป ดาวสูดลมเข้าลึกที่สุดและผ่อนออกเบาๆ ทำแบบนี้อีกสองสามครั้ง รู้สึกถึงฝาเท้าที่สัมผัสพื้นกระเบื้อง ก้มหน้ามองกระดาษว่างเปล่าที่เปิดค้างอยู่ กับลิสส์รายการที่จะต้องทำสองสามอย่างบนโพสอิสที่ปะไว้ หลับตาและท่องในใจ ‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’ หูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย ดาวลืมตา เงยหน้าที่มีรอยยิ้มบางๆ สายตายังจ้องหน้ากระดาษ ยิ้มสำหรับอาทิตย์ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มที่เขาเรียกว่าโปรยสเน่ห์ ‘ไอ้บ้า มาเดินผ่านข้างๆตัวทำไม วันนี้อยู่ให้ไกลๆกันเลย’ ดาวพูดในใจ

จอยถอนหายใจ นึกถึงที่พี่โจ้พูด‘ก็จอยนะชอบเป้ ก็เอาเรื่องมาเขียนให้จบ เขียนให้แล้วใจ’ จอยรู้สึกโล่งอก สูดลมเข้าออกเบาและยาว เห็นภาพดาวและอาทิตย์ยืนสบตาและยิ้มให้กัน หลังเผลอจูบไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าจอยเคยคิดจะให้ดาวผลักอาทิตย์ออกไปให้ไกลและแสร้งทำเสียงดังใส่ มอบคำพูดให้เขาเสียใจ แล้วให้ดาวร้องไห้
จอยเปิดหน้าว่างถัดไปวาดภาพต้นไม้พุ่มหนาที่ใบถูกลมพัดให้พริ้วไหว หลับตานึกถึงเสียงของเป้ ‘มันดีมาก’ ตามด้วยเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆและปล่อยออกมาอย่างผ่อนคลาย จอยจรดปลายปากกาลงบนหน้ากระดาษว่างแผ่นใหม่

เมฆลอยมาบังแสงจันทร์ทั้งดวงแล้ว ดาวและอาทิตย์เปลือยเปล่าที่โคนต้นสนในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ดาวพึ่งเสร็จไปหนึ่งเซต ส่วนอาทิตย์ยังกลั้นไว้ ดาวหายใจหอบถี่ใส่ซอกคออาทิตย์ หน้าผากทาบอยู่ระหว่างแก้มและหูของเขา ร่างกายค่อยๆ คลายอาการบิดเกร็งเมื่อครู่ ดาวปล่อยนิ้วชี้และนิ้วโป้งออกจากกล้ามแขนของอาทิตย์ซึ่งอึดใจก่อนหน้านี้โดนกดลึกจนไม่เห็นปลายนิ้ว กล้ามแขนที่ดาวสะกดใจไม่ให้สัมผัสมานานหลายเดือน เหมือนกับที่ดาวสะกดเสียงให้เงียบอยู่ในลำคอ นับตั้งแต่มือของอาทิตย์เริ่มแตะข้อศอกดาว แต่เสียงกลับชนะการกลั้นใจ ทะลายเกราะป้องกัน เล็ดลอดร้องออกมา ‘บ้าจริง ดันร้องเสียงดังลั่นป่า’ ดาวคิด ความปั่นป่วนและความอายไหลบ่าลงท่วมร่างที่ผ่อนคลายของเธอ
ดาวพยายามสูดหายใจเข้าและออกให้ยาวขึ้น จนลมจากปากลดความหอบถี่ลง แต่แก้มยังคงแนบคลึงอยู่กับหน้าของอาทิตย์ ดาวนิ่งฟังเสียงลมหายใจของตัวเองบรรเลงเข้าจังหวะกับเสียงลมใต้ใบสน และฟังเสียงลมหายใจของอาทิตย์ ดาวชอบแอบฟังเสียงลมหายใจเข้าออกยาวๆ ของเขา มันบอกถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดที่เขาจะเก็บความคิดกับความรู้สึกไว้ ในขณะเดียวกันมันก็แสดงความคิดกับความรู้สึกที่ไม่สามารถกักไว้ได้ ออกมาอย่างชัดเจนเช่นกัน และบ่อยครั้งที่เสียงลมหายใจซึ่งดาวได้ยินให้ความหมายตรงข้ามกับคำที่เขาพูดออกมา ดาวส่ายหน้าเบาๆ สลัดความคิดในหัว
อาทิตย์กำลังจะเริ่มใหม่อีกครั้ง กกหูของดาวสัมผัสลมอุ่นจากการหายใจออกของเขา อาทิตย์เคยเล่าให้ฟังว่าช่วงที่เขาชอบที่สุดเมื่อมีอะไรกันไม่ใช่ตอนเขาเสร็จ เขาชอบตอนเห็นร่างกายของอีกฝ่ายมีความสุขจากสิ่งที่เขามอบให้ และเขาพึ่งได้เห็นสิ่งนั้น
แผ่นหลังของดาวถูขึ้นลงเบาๆบนผิวหยาบสากของเปลือกสน ส่วนด้านหน้าสัมผัสผิวเรียบลื่นชื้นจากเหงื่อที่อกอาทิตย์ ดาวรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของเขาที่เบียดเข้ามา ปลายจมูกของดาวรู้สึกอุ่นจากลมหายใจของอาทิตย์ ก่อนที่เขาจะบดริมฝีปากลงมา ดาวถอยปากออก ลมที่ผ่านใบสนไม่ได้ทำให้ไอร้อนจากปากดาวเย็นลง กลิ่นยางสนที่เตะจมูกดาวถูกกลบด้วยกลิ่นเหงื่อบนตัวอาทิตย์
‘ตาย ฉันจะต้องตายแน่ๆ’ เสียงนี้ตะโกนก้อง สะท้อนไปมาในหัว ดาวอยากไม่สนความกังวลนี้ อยากตัดมันออกไปเหมือนแสงตะเกียงที่พึ่งถูกดับลง และไม่รู้ตัวดาวกำลังกลืนจูบของอาทิตย์ รสหวานปนขมของช็อกโกแลตที่ปลายลิ้นกับผิวสัมผัสที่นิ่มและไม่หยุดนิ่ง ทำให้ดาวปั่นป่วนในท้องไปพร้อมกับขาดอากาศหายใจ แม้ดาวจะสูดหายใจเข้าจนสุด แต่กลับหายใจออกไม่ได้
‘หยุดที’ เสียงในหัวดังขึ้น
‘อย่าหยุด’ อีกเสียงร้องตอบ ดาวค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก
สองเสียงนี้ดังใส่กัน สลับไปมาเหมือนลมหายใจเข้าและออก ในบางช่วง ดาวอยากผลักอกของอาทิตย์ที่แนบอกของดาวออกไป แล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นใส่ และเดินกลับไปที่เต้นท์ แกล้งทำเป็นเพื่อนกัน เราแค่มาแคมป์ปิงด้วยกัน แต่แขนของดาวกลับรัดตัวอาทิตย์ให้แน่นขึ้นอีก เมื่อเขาโอบตัวดาวให้เข้ามาชิดตัวเขา และครางเบาๆใส่หูเธอ
‘ไอ้บ้า ไอ้เลว’ ดาวคิดและสอดนิ้วใส่ในผมยุ่งชุ่มเหงื่อของเขา โน้มให้หน้าของเขาเข้ามาใกล้ขึ้นอีก พร้อมกับกดริมฝีปากของตัวเองบนริมฝีปากเขาให้ชิดขึ้น พันลิ้นลงไปให้เหมือนดาบที่โหมฟันใส่กัน
บ้างช่วงดาวรู้สึกถูกควบคุมด้วยลิ้นของอาทิตย์ และอยากถอนปากออกมา ตะโกนถามว่า ‘ไหนแกเคยพูดหนักแน่นว่า ไม่ได้ ไม่ได้ แล้วนี่ แกทำอะไรเพื่อนของแก’ แต่จูบของอาทิตย์ยังคงสาดลงมาเหมือนเม็ดฝนที่บางช่วงโปรยปราย บางช่วงโหมกระหน่ำลงใส่สระที่ผิวน้ำเคยเรียบนิ่งอย่างกระจกเงา แต่ตอนนี้ไม่มีพื้นที่ส่วนไหนที่ไม่สั่นสะเทือน ทุกรู้ขุมขนของดาวเหมือนผิวน้ำที่กระเพื่อมสูงขึ้นและเว้าลงเป็นวงขยาย แตกกระจายออกไป เป็นคลื่นวงแล้ววงเล่า สันคลื่นสะท้อนเป็นทั้งร่างแหที่พันร่างกายของดาวให้ติดกับ และอาภรณ์ที่ให้ความอบอุ่นกับร่างอันเยียบเย็น พายุยังคงถาดโถม ดาวเปียกฉ่ำไปทั่วทั้งตัว มันดีจนดาวไม่แน่ใจว่าได้เห็นสายรุ้งบนห่าฝนหรือดาวหน้ามืดกันแน่
‘ยืนนิ่งๆ สิเพื่อน’ เขาพึมพำ แม้รอบตัวจะมืดมิดแต่ในความคิด ดาวเห็นรอยยิ้มร้ายๆบนหน้าอาทิตย์
‘บ้าจริง เพื่อน เพื่อน เพื่อน คำที่เราพร่ำเรียกกันและกันมาตลอด ไม่เห็นเป็นเพื่อนอย่างที่พยายามเรียกกันเลย แล้วต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไร ถ้าเสร็จแล้ว เราจะคุยกันต่ออย่างไร หรือไม่ต้องคุยกันเรื่องนี้ it just happened and it done ในเมื่อความเงียบก็เป็นบทสนทนารูปแบบหนึ่ง หรือได้เวลาที่ต้องยอมรับถึงปลายทางของความสัมพันธ์แบบนี้’ ดาวหยุดคิด และกลั่นหายใจเมื่ออาทิตย์เริ่มเข้าถึงบริเวณที่จะทำให้ดาวมีความสุขที่สุดอีกครั้ง
‘อาทิตย์พอเถอะ พอแล้ว’ ดาวบิดตัว แต่อาทิตย์กดดาวให้กลับสู่ตำแหน่งเดิม
‘อืม ตรงนั้นล่ะ เร็วเข้าซิ’
‘ตายแล้วมึง บ้าไปแล้ว ฉันเป็นอะไร ทำไมอยากไปต่อ และ ไม่เอาแล้ว สลับกันไปมา จนจะคลั่งแล้ว เดี๋ยวก่อนหยุดคิดก่อน เอากันก่อน มีความสุขกันก่อน กลับไปที่ร่างกาย ร่างกาย ร่างกาย หัวใจฉันเต้นอย่างไร ตอนนี้ฉันหายใจเข้าหรือออก หรือ ฉันกลั้นหายใจอีกแล้ว แขนของฉันอยู่ตรงไหนนะ ตาย เข่าอ่อน ยืนไม่ไหวอีกแล้ว’ ดาวคิด รู้สึกถึงความเกร็งที่หัวคิ้ว
‘ลงไปดูดที่กว่า จะได้ไม่ต้องคิดอะไรอีก ดูดมันเข้าไป เข้าและออก เข้าและออก รักษาจังหวะของการหายใจ’
ดาวจับไหล่อาทิตย์ทั้งสองข้าง ผลักเขาให้หลังพิงต้นส้น กดตัวเขาให้ยืนนิ่ง จูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนจะลดตัวนั่งลงด้านหน้า มือหนึ่งทาบข้างต้นขา อีกข้างสัมผัสความเป็นชายของอาทิตย์
‘อย่างน้อยตอนนี้ ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว’ ดาวหลับตา
จอยหยุดเขียน พอแล้วสำหรับคืนนี้ของพระอาทิตย์และดวงดาว ปล่อยให้สองคนนั้นได้มีเวลาที่ไม่มีใคร (รวมถึงจอยด้วย) เข้าไปใกล้ ทุกคนทุกคู่ต่างต้องการพื้นที่ว่างและเวลา ดาวดับแสงอาทิตย์เป็นภาพสุดท้ายที่เห็นในป่า เมฆจะเคลื่อนมาบดบังและฟ้ามืดมิดไป




ขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดภายในเว็บไซท์
Copyright by http://www.espressoandcigarette.com