สัตย์สาบาน
โดย คงไคยว์ คงชนะ
สุดที่รักของผม มีบางอย่างที่ผมอยากบอกกับคุณ ก่อนหน้านี้ผมบังเอิญไปพบกล้องที่บันทึกความทรงจำหลายอย่างของสองเรา หลงนึกว่ามันหายไปเสียแล้ว จึงไม่รีรอจะเปิดภาพออกมาดูด้วยความคิดถึงวันวานเก่าก่อน
ภาพประทับใจที่สุดของผม คือคุณในชุดแต่งงานสีขาวนวลตาราวเกล็ดหิมะ
ฤดูหนาวเดือนธันวาคมปีนั้นคือช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผม มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในเดือนสุดท้ายของปีนั้น แต่ไม่เรื่องใดกินใจผมมากไปกว่าตอนเห็นคุณที่โบสถ์ในงานวิวาห์ มันเป็นงานเล็กๆ ที่เชิญเฉพาะญาติและแขกไม่กี่คนที่สนิทกันจริงๆ แม้ใจจริงผมอยากจัดงานให้ใหญ่โตสมเกียรติศักดิ์ศรีคุณมากกว่านี้ แต่คุณไม่ยอมเพราะบอกว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เราไม่มีเงินมากถึงขนาดนั้น และคุณอยากให้ความสำคัญกับอนาคตลูกของเรามากกว่าสิ่งใดทั้งปวง
คุณอาจไม่เชื่อก็ได้นะว่าผมมักคิดถึงช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเราอยู่บ่อยๆ ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย แต่เป็นความปลื้มปริ่มเอาเสียมากด้วยระลึกว่าเราเคยมีความสุขกันถึงเพียงนั้น
จำได้หรือเปล่าว่ารักเราหวานชื่นกันประหนึ่งหยาดน้ำพระจันทร์ ช่วงเราเพิ่งคบหากันใหม่ๆ ผมจะชอบชวนคุณออกไปเดินเตร่และกินมื้อค่ำด้วยกัน อาหารที่คุณชอบคือสลัดกับปลา ส่วนผมชอบเนื้อมากกว่า แต่เราก็เป็นคู่ที่สมกันดีโดยเฉพาะเรื่องนิสัยใจคอ ผมยังคิดถึงร้านอาหารที่เราเคยไปกันประจำอยู่นะ ร้านเดียวกันกับที่ผมขอให้บริกรใส่แหวนหมั้นลงในแก้วไวน์ของคุณนั่นแหละ ถึงแม้ปัจจุบันเราจะไม่มีโอกาสได้แวะเวียนไปเลย แต่ผมยังหวังว่าคงมีสักวันที่วิกฤตที่เราเผชิญอยู่นี้จะผ่านพ้นไป
คืนวันที่ขอคุณแต่งงาน คุณไม่รู้หรอกว่าผมตื่นเต้นมากแค่ไหน การบอกรักเป็นคงเรื่องกล้าหาญที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งเคยทำ เพราะผมไม่รู้เลยว่าจะต้องกลับบ้านพร้อมรอยยิ้มหรือคราบน้ำตา ดังนั้นในวินาทีที่คุณตอบตกลง ผมจึงรู้สึกเหมือนยกภูเขาทั้งใบออกจากอก และเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในหัวใจด้วยความสุขเสียแทบล้นปรี่
คุณคือคนคนเดียวที่ผมสัญญากับตนเองว่าจะต้องเทิดทูนรักษาไว้ ทำให้คุณมั่นใจว่าเลือกครองรักกับผู้ชายไม่ผิดคน
ทว่าบัดนี้ ผมกลับคิดเสมอว่าคุณช่างเป็นหญิงผู้โชคร้ายเสียนี่กระไร
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะผม
ถ้าเพียงวันนั้นผมเอะใจว่าเสียงเรียกที่ดังมาจากชั้นล่างของคุณกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เรื่องคงไม่ต้องลงเอยแบบนี้ ผมควรตระหนักถึงหน้าที่ของตน ไม่ใช่ละเลยจนคุณหมดความอดทนกระทั่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ กับอีแค่การเปลี่ยนหลอดไฟเพดานห้องรับแขกเท่านั้นเอง ทำไมคุณไม่รออีกสักหน่อย? ไม่สิ เป็นผมเองต่างหากที่น่าจะรู้ว่าคุณใจร้อนและเหนื่อยหน่ายกับนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งของผมเอามากแล้ว เพราะแบบนี้คุณถึงปีนบันไดขึ้นไป
มันช่างเป็นโศกนาฏกรรมเหลือเกินกับเราทั้งคู่ เสียงโครมครามดังขึ้นบอกว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแล้ว ถึงค่อยรู้สึกตัวกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟา
ทว่าผมมักมาสายไปเสมอ
คุณตกลงมานอนกองอยู่บนพื้นปูเสื่อน้ำมันในท่าทางน่าหวาดเสียว
พอมองไปสำรวจให้ทั่วผมถึงได้รู้ ว่าศีรษะของคุณคงฟาดเข้ากับขอบโต๊ะตรงนั้นเอง ตัวที่คุณบอกผมหลายรอบแล้วให้ช่วยติดแถบยางที่เหลี่ยมมุมเพราะดูอันตราย ซึ่งเชื่อมโยงกับเลือดที่เปื้อนมือผมขณะประคองร่างคุณขึ้นมา ลมหายใจคุณโรยรินราวกับจะหลุดลอยไปเสียให้ได้ แต่อย่างน้อยนั่นคือความหวังที่ผมมี
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้เวลาเกือบชั่วโมงพยายามช่วยคุณในห้องฉุกเฉิน ทุกนาทีที่ผมนั่งรอบนเก้าอี้พลาสติกตัวนั้นรู้สึกยาวนานเป็นอนันต์ ได้แต่ภาวนาขอให้คุณปลอดภัย จากนั้นไม่รู้นานเท่าไร ประตูบานคู่เคลื่อนเปิดออกมา นายแพทย์คนหนึ่งขอให้ผมใจเย็นลงพร้อมกับแจ้งข่าวร้าย
เจ้าตัวเล็กในท้องคุณจากไปแล้ว ส่วนคุณเพิ่งหยุดหายใจเป็นครั้งที่สาม ซ้ำยังพบก้อนเนื้อบางอย่างในสมองคุณซึ่งมีลักษณะไม่สู้ดีนัก
โลกทั้งของผมแทบพลันแหลกสลาย ในใจท่วมท้นด้วยความโศกศัลย์และความหวาดกลัว กระทั่งได้รับทางเลือกหนึ่งซึ่งคุณรู้อยู่แล้วว่าคืออะไร
พยาบาลสูงวัยนางหนึ่งยื่นกระดาษกับปากกามาให้ผม
เนื้อความโดยสรุปคือ คำอนุญาตให้ผมปล่อยคุณไป ให้คุณไปอยู่กับลูกของเรา พักผ่อนอย่างสงบในดินแดนซึ่งความเจ็บปวดทั้งหลายกลายเป็นเรื่องไม่จริง
ทว่าได้โปรดเข้าใจด้วยเถิด ว่าผมไม่อาจทนต่อการสูญเสียใครได้อีกแล้ว ผมตอบปฏิเสธโดยยืนยันขอให้พวกเขากระตุ้นหัวใจคุณกลับมาเต้นอีกครั้ง แม้ได้รับคำเตือนว่าสมองที่ได้รับความเสียหายอาจทำให้คุณไม่เหมือนคนเดิม กระนั้นผมก็ไม่ยอมรับฟัง
อาการของคุณหลังจากนั้นดีขึ้นตามลำดับ
คุณฟื้นขึ้นมา หลั่งน้ำตาเมื่อรู้ว่าเราเหลืออยู่กันเพียงสองคน แต่คุณหยุดสะอื้นทันทีหลังรู้สึกตัวว่าเกิดความผิดปกติขึ้น สายตามองที่ผมด้วยความตื่นตระหนก ผมบอกความจริงกับคุณ
รั้งฉันไว้ทำไม คุณถาม
ผมตอบว่า เพราะผมรักคุณ
จะอีกนานเท่าไร?
ตลอดไป ผมให้คำสาบาน
แต่คุณเพียงเบือนหน้าหนีไปทางอื่น บอกว่าต้องการอยู่ตัวคนเดียวสักพัก คุณต้องการเวลาทำใจ ผมจึงปล่อยคุณได้พักผ่อน ทั้งหมดคงยากเกินคุณจะรับไหว จากคนที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อมต้องกลายเป็นแบบนี้
เราจะผ่านอุปสรรคนี้ไปด้วยกัน ผมพูด ณ ช่วงเวลานั้น ผมคิดแบบนี้จริงๆ เพราะในตอนแรกข้อมูลที่ผมรับรู้มาคือ ผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นแบบคุณมักมีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งปีเศษนั้นเอง ช่างเป็นเวลาอันน้อยนิดที่ผมพร้อมจะดูแลคุณทุกอย่าง ยอมหาให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ด้วยความหวังเล็กน้อยว่าความพยายามอย่างเต็มที่ของผมจะทำให้คุณได้มีความสุขและช่วยยื้อเวลาให้คุณอยู่กับผมนานขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี
ความเชื่อว่าการประเมินของแพทย์คือความผิดพลาดไม่เคยมีอยู่ในความคิดของผมเลย กลับกันด้วยซ้ำ ผมเกือบเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์เมื่อคุณยังมีชีวิตอยู่พ้นจากสิบแปดเดือนอันจำกัดจำเขี่ยนั้นมาแล้ว
เคยมีช่วงหนึ่งผมหลงละเมอไปว่าชีวิตเรายังสามารถกลับเป็นปกติสุขได้เหมือนเก่า เมื่อถึงวันนั้นผมจะพาคุณออกไปท่องเที่ยวสถานที่ที่คุณอยากไป ทำอาหารที่คุณบ่นว่าอยากกิน ไม่รู้ทำไมเมื่อมีโอกาสผมถึงไม่เคยนึกทำสิ่งเหล่านั้นให้คุณมาก่อน มาเห็นค่าก็ตอนที่มันสายไป
ทว่าวันที่รอคอยไม่เคยมาถึง เราต่างรู้เรื่องนี้ดีว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น และสิ่งที่ผมโกหกคุณมีแต่จะสร้างความหวังที่ไม่อาจจับต้องได้ ความจริงคืออาการของคุณทรงตัวแล้วในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีวันเหมือนเดิม
การมีคุณอยู่ด้วยเคยทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ
แต่เดี๋ยวนี้ผมเหนื่อยกับมันมากเหลือเกิน
เป็นเวลาเกือบหกปีแล้วที่คุณตกอยู่ในสภาพอันน่าสงสาร ไม่อาจช่วยเหลือตนเองอย่างที่เป็นอยู่ ใครต่อใครพูดกันว่าคุณโชคดีจริงๆ ที่รอดชีวิตมาได้ แค่นั้นก็นับเป็นข่าวที่ควรยินดี ทว่าทุกครั้งที่ได้ยินพวกเขากล่าวอวยพรขอให้คุณกลับมามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ผมได้แต่ยิ้มรับด้วยความขมขื่น คนพวกนี้ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ผมแบกรับไว้คือหน้าที่อันหนักหนาสาหัสเพียงใด เป็นการกระทำด้วยความรักอันน่าเชิดชู แต่กลับไม่มีใครต้องการมาช่วยแบ่งเบาหรืออยากรับเกียรติยศนี้เลย
ที่รักของผม ได้โปรดอย่างเข้าใจผิดไป
ผมยังรักคุณเกินกว่าจะทอดทิ้งเช่นเดิม แม้นั่นอาจหมายความถึงผมต้องสละทิ้งเสียทุกอย่าง ต่อให้ต้องผลาญเงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อดูแลคุณ ผมก็ยอมให้ได้เสมอ
แต่สภาวการณ์ของคุณเริ่มทำให้ผมเป็นกังวลใจ อนาคตของเราต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ยิ่งเมื่อคุณยังมีลมหายใจต่อไปแบบนี้ ผมนึกภาพวันพรุ่งอันสดใสที่เคยจินตนาการวาดไว้เมื่อครั้งอดีตไม่ออกอีกแล้ว มันทั้งพร่าเลือนทั้งบางเบา ประหนึ่งภาพลวงตาที่ไม่อาจคว้าไว้ในกำมือ
ผมทดท้อเหลือเกินที่รัก คุณคงไม่รู้เพราะผมไม่เคยเล่าให้ฟัง ผมไม่ต้องการให้ผลจากความรับผิดชอบของผมทำให้คุณต้องเป็นทุกข์ใจ ดังนั้นจึงเก็บเงียบไว้คนเดียว
ทว่ายิ่งเวลาผ่านไป หลุมลึกในใจผมก็แผ่ขยายวงกว้างขึ้นอีก
เมื่อไรกันนะที่ผมเลิกบอกคุณว่ารักมากแค่ไหน คุณอาจไม่ทันสนใจ เพราะพอรู้สึกตัวผมก็พบว่าตนเองไม่ได้ยินคำเดียวกันนี้จากคุณมานานมากแล้วเช่นกัน
อาจตั้งแต่วันที่ผมพบคุณพยายามดึงร่างกายไปเกาะที่ขอบหน้าต่างเตรียมทิ้งดิ่งลงไปกระมัง คุณโกรธเพราะผมยังดึงแขนคุณไว้และติดซี่กรงภายหลังเพื่อป้องกันคุณทำแบบนั้นอีก
คุณว่าไม่อยากต้องเป็นภาระของผม
ผมตอบว่ามันจะไม่เป็นไร
คุณประชดประชันว่า คงดีกว่านี้ถ้าได้กระโดดลงไปเสีย
ผมเสียใจที่นิ่งเงียบขณะคุณเริ่มฟูมฟาย
คุณอาจพอสังเกตเห็นว่าพักหลังนี้ผมอารมณ์แปรปรวนบ่อยครั้ง อยู่เป็นเพื่อนคุยกับคุณน้อยลง และบางวันผมก็แอบออกจากบ้านตอนกลางดึกซึ่งเป็นการกระทำอันหยาบช้าและโง่เขลา แต่ผมหวังว่าคุณจะให้อภัยด้วยความอารี เมื่อทำความเข้าใจว่าการข่มกลั้นความเปลี่ยวเหงาของผู้ชายคนหนึ่งเป็นเรื่องยากเย็นเพียงไร และทำได้เพียงขอโทษที่ทรยศต่อความไว้ใจของคุณ
การพลั้งเผลอในสิ่งเย้ายวนแต่ละครั้งบั่นทอนผมในเรื่องการนับถือตนเอง ผมรู้สึกกลายเป็นคนสารเลวที่มองหน้าคุณไม่ติด ละอายต่อความผิดที่หลงลืมคำมั่นที่มีให้กับแหวนสองวง
ขอสารภาพตามตรง ว่าช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาผมเริ่มกลับมาสูบบุหรี่อีกครั้ง --- คุณไม่เคยชอบกลิ่นควันที่ติดเสื้อผ้าผมเลย บอกว่ามันทำให้ภูมิแพ้ของคุณกำเริบ --- ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง เมื่อตระหนักในภายหลังว่าควรนำเงินจำนวนนี้ไปจ่ายค่ายาให้คุณเสียมากกว่า แต่พอถึงเวลาจริง ผมก็เอาแต่หาข้ออ้างมาสนับสนุนความเห็นแก่ตัวได้อยู่ร่ำไป โดยเฉพาะเกิดคำถามขึ้นว่าจากสิ่งระยำทั้งหลายที่ต้องเผชิญ ผมไม่มีสิทธิ์ควรได้รับรางวัลเป็นการบั่นทอนชีวิตตนให้สั้นลงบ้างหรอกหรือ?
ไม่รู้เลยว่าตั้งแต่ตอนไหน ที่ความรักที่ผมมีให้แก่คุณเริ่มเจือสมด้วยความอดทน
สิ่งที่ผมเต็มใจบริการคุณกลับกลายเป็นเหมือนกับงานประจำที่ทำโดยไม่ได้รับค่าแรง เป็นชนักติดหลังที่เอาไม่ออก เป็นโทษทัณฑ์ของความเอาแต่ใจที่ฉุดรั้งคุณไว้ให้ตกอยู่ในนรกทั้งเป็น
ทั้งการอาบน้ำแต่งตัว ป้อนยาอาหาร จัดการเรื่องการเข้าห้องน้ำ คุณช่วยเหลือตัวเองไม่ได้สักอย่าง แต่ผมจะทำอะไรได้อีก นอกจากก้มหน้าก้มตายอมรับผลลัพธ์ของความทระนงอาจหาญว่าสามารถจัดการทุกอย่างได้เพียงลำพัง แล้วต้องมาสำนึกยามถึงน้ำหนักของสิ่งที่แบกหามไว้บนบ่าซึ่งกดทับลงมาจนผมแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง
คำถามเดียวกันที่คุณเคยถามย้อนกลับมาในความคิดผม
จะอีกนานเท่าไร?
ตอนนี้ผมไม่แน่ใจอะไรเลย
ผมเพิ่งมาเข้าใจ ว่าแท้จริงคุณอาจไม่ได้ถามถึงคำยืนยันในความรักที่ผมมีให้ กลับเป็นจุดสิ้นสุดของความทรมานทั้งปวงต่างหากที่คุณต้องการ และผมนี่แหละช่วงชิงมันไปจากคุณ
ความคิดอยากจบสิ้นปัญหาทุกอย่างทำให้ผมดิ้นรนหาซื้อปืนลูกโม่มาได้กระบอกหนึ่ง มันเป็นความคิดชั่วแล่นที่ทำให้ผมสบถด่าตนเองเสมอมา และไม่เคยหยิบปืนกระบอกนั้นออกมาจากที่ซ่อนบนชั้นหนังสือซึ่งคุณไม่มีทางเอื้อมมือขึ้นไปควานหาจนเจอได้เลยสักครั้ง
อันที่จริง ผมเองก็เกือบลืมเรื่องปืนกระบอกนี้ไปแล้ว
หากไม่เพราะคืนก่อนหน้านี้ผมบังเอิญเห็นคุณนอนหลับและร้องไห้ออกมา พร้อมกับได้ยินคำเพ้อที่ผ่านริมฝีปากบิดเบี้ยวของคุณด้วยฤทธิ์ยาแก้ปวดขนานแรง
ปล่อยฉันไปเสียที คุณพูด น้ำเสียงคร่ำครวญชวนเวทนา
คุณทำให้ผมย้อนกลับมาทบทวนตนเอง
ทั้งหมดที่ผมทำไปมันถูกต้องแล้วจริงหรือ?
คำถามไร้ซึ่งคำตอบนี้วนเวียนในหัวผมตลอดเวลาทั้งยามหลับและยามตื่น เมื่อลองนึกนำตัวเองไปอยู่ในจุดเดียวกับคุณ ผมก็พบว่าตนคงไม่อยากอยู่ต่อไปในลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นขณะนี้หลังคุณหลับไป ผมจึงไปนั่งในห้องคนเดียวนานนับชั่วโมง ไล่ดูรูปภาพความทรงจำในกล้องซึ่งเป็นหลักฐาน ว่าผมกับคุณเคยมีความสุขกันมากแค่ไหนก่อนกลายเป็นแบบนี้
พริบตานั้นผมคิดว่าคงสามารถกลั้นใจยอมเป็นยักษ์มารชั่วร้ายได้ ทั้งเพื่อคุณและตัวผมเอง ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบปืนลูกโม่แล้วกลับมานั่งข้างคุณอีกครั้ง ในรังเพลิงบรรจุกระสุนสองนัด หนึ่งนัดสำหรับคุณ และอีกหนึ่งนัดสำหรับผม เราจะเดินทางไปพร้อมกันสู่สถานที่ซึ่งลูกผู้ไม่เคยลืมตาดูโลกของเรากำลังรอคอยอยู่
แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ลง
นิ้วมือที่สอดเข้าโกร่งไกแข็งค้างไม่ยอมขยับ
ผมรู้สึกเหมือนกลายเป็นคนต่ำช้าในนิยายซึ่งตัวเอกกลายเป็นแมลงสาบของคาฟคา และแย่ยิ่งกว่าคืออีกด้านหนึ่งของหัวใจผมพยายามโกหก ว่าการปลดเปลื้องเราทั้งสองด้วยวิธีการนี้นับเป็นเรื่องดี แต่ผมไม่กล้าหาญพอจะทำแบบนี้ได้ ไอ้ครั้นจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปคนเดียวซึ่งไม่ยากเย็นเลยสักนิด ก็รู้ว่าตัวคุณในสภาพนี้จะต้องทนทรมานกับชีวิตที่ยากลำบากมากกว่าเก่า
ผมพยายามนึกถึงเรื่องดีๆ ที่เราทำมาด้วยกัน วันที่คุณกับผมแย้มยิ้มและหัวเราะ ทุกสิ่งเหล่านั้นสวยงามเกินไป จนผมไม่ต้องการให้มันด่างพร้อยลงจากสถานะที่คุณกำลังเป็นอยู่
คุณคนเดิมไม่อยู่กับผมอีกแล้ว
ที่อยู่ตรงนี้เป็นแค่ซากซึ่งหลงเหลืออยู่ของตัวคุณ
ผมบอกตนเองแบบนี้ในการพยายามแตะไกปืนครั้งที่สอง แต่ก็ล้มเหลวอยู่ดี ตัวผมยังขี้ขลาดเกินกว่าจะยุติมันลง ช่างเป็นผู้ชายใจเสาะน่าสมเพชเสียเหลือเกิน
ขณะลดปืนลง ผมจับจ้องที่ใบหน้าอ่อนระโหยของคุณด้วยรู้ว่าคุณจะต้องผิดหวัง ก่อนเปลือกตาที่พริ้มหลับของคุณจะเผยอขึ้นเหลือบมอง จนเงาของเราทั้งสองต่างสะท้อนอยู่บนดวงตาของกันและกัน
ผมถามว่าคุณยังไม่หลับหรอกหรือ คุณสั่นศีรษะที่วางบนหมอนเบาๆ ก่อนลดสายตาลงมองกระบอกปืนในมือผม ดูเหมือนคุณเข้าใจทุกอย่างดีและไม่มีทีท่าแปลกใจใดๆ เลย จากนั้นหลับตาลงอีกครั้ง ด้วยดวงหน้าหม่นหมองเกลียดชังขณะผมลุกขึ้นแล้วเดินจากมา ความหมายของความเงียบงันสะท้อนก้องในดวงวิญญาณผม อื้ออึงอย่างเศร้าสร้อยแม้ไม่จำเป็นต้องได้ยิน เสียงนี้คือเสียงแห่งความร้าวราน
สุดที่รักของผม ผมรักคุณมากเหลือเกิน
ดังนั้นได้โปรด ช่วยตายไปเสียที
เพราะผมคนนี้ยังปรารถนาจะรักคุณอยู่ดังเช่นที่เคยสาบาน ทั้งจากนี้ ตราบจนชีวาวาย