ระหว่างเปิดก๊อกและกรอกน้ำใส่ถังพลาสติก ฉันพะวงดูนาฬิกาอิซเซ มิยาเกะเรือนจ้อยบนข้อมือ ไม่แน่ใจว่ามันกันน้ำได้มากนักไหม ฉันสาดน้ำค่อนถังลงบนพื้นเบา ๆ อีกครั้ง ของเหลวสีแดงข้นถูกดันกวาดให้ไหลด้วยแรงกระทบของน้ำจากถัง มันไหลซึมกระจายด้วยความหนืดต่ำไปทั่วแบบคาดเดารูปร่างไม่ได้ กฎการไหลแบบปั่นป่วนตามกลศาสตร์ของไหล ความข้นทำให้มันยังรวมเป็นก้อน แต่กระจัดกระจาย เพ่งดูจะเหมือนกับว่ามีเส้นใยบาง ๆ เชื่อมระโยงระยางกันอยู่อย่างอัศจรรย์ ฉันรักเวลาสิริพิมพ์นอนนิ่ง ๆ หัวคิ้วทั้งสองข้างคลายลง หลับตาพริ้ม มีผมยาวบางเส้นทอดยาวพาดตัดไปบนริมฝีปากซีดเซียวของเธอ ฉันนั่งมองเธออยู่พักหนึ่งเพื่อแน่ใจว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาระหว่างนี้ ฉันลากไม้ถูกดลงบนรูระบายในห้องน้ำซ้ำไปมา เปิดฝักบัวและแกะผ้าจากไม้ถูมาซักด้วยมือ ของเหลวสีแดงเข้มไหลพรูออกมาจากผ้าที่ชุ่มทิ้งร่องรอยพลวัตปนกับกลิ่นสาบ กลิ่นคาวเค็มที่คุ้นเคยเวลาเลือดออกตามไรฟันที่ชวนทำให้ฉันคลื่นเหียน -ความรู้สึกกลัวเลือด ฉันลงผงซักฟอกลงบนผ้าและนั่งขยี้อีกสองสามน้ำแต่มันยังไม่กลับมาเป็นสีเดิม เมื่อมั่นใจว่าฉันไม่อาจทำมันสะอาดกว่านี้ได้แล้ว จึงเดินกลับออกมาหาสิริพิมพ์ เธอยังคงนอนอยู่ตรงนั้น เงียบเชียบและผ่อนคลาย ฉันถือวิสาสะเปิดกระเป๋าซีลีนของเธอที่ฉันซื้อให้ แบบเดียวกันกับใบเดิมของเธอที่จิมมี่เคยซื้อให้ ฉันไม่ค่อยกล้ายุ่งกับของส่วนตัวของเธอ เพราะเวลามีอะไรหายใครก็ยากจะรับมือกับเธอ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าผู้หญิงเก่งแบบสิริพิมพ์จะมีอะไรในกระเป๋าบ้าง ไดอะรี่ที่จดไว้แต่เรื่องงาน บุหรี่จืดซองแข็งยี่ห้อแปลกที่หาไม่ได้ในเซเว่นแถวนี้ ลิปสติกลินสีนู้ดที่เอาไว้เติมริมฝีปากหลังสูบเสร็จ ขวดน้ำหอมดิปทีคกลิ่นเฟลอ-เดอ-โปกลิ่นหอมแป้งสะท้านเอาไว้ดับกลิ่นควันและซองทิชชู่เปียกไว้เช็ดกลิ่นที่เหลือติดอยู่ที่มือ และสิ่งที่ฉันควานหาและคิดว่ามันน่าจะดำรงตนอยู่นั่นคือไฟแช็ก ฉันไม่สูบบุหรี่จืด อันที่จริงฉันแทบจะไม่สูบบุหรี่เลยถ้าไม่กรึ่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ ฉันพอมีเหลือในซองที่เก็บไว้นานจนกระดาษพันด่างดวง ข้างในมีอยู่สองมวน เป็นบุหรี่ประเภทที่มีกะเปาะให้บีบแตกเล่นก้นมวนเพื่อใส่กลิ่นเมล่อนปลอม ๆ ฉันเอ่ยปากบอกเธอเหมือนทุกทีด้วยความคุ้นชินก่อนเปิดออกไปหลังบ้าน แน่นอนว่าต้องไม่ให้ดังจนเธอตื่น “ออกไปสูบบุหรี่นะสิริ” ฉันพูดกับร่างของเธอ โทรศัพท์ไอโฟนของเธอส่งสัญญาณ “อือฮึ” ตอบและเรืองขึ้นบนโต๊ะอาหาร ลืมตัว ฉันมักมีปัญหากับเรื่องนี้ ทุกครั้งที่เรียกเธอว่าสิริ มือถือของเธอจะดังเหมือนว่าฉันคุยอยู่กับมัน ฉันบอกเธอให้ปิดฟังก์ชั่นนี้หลายครั้งแล้ว แต่เธอบอกว่าให้ฉันเลิกเรียกเธอว่าสิริจะพอใจกับเธอมากกว่า ไม่มีใครเรียกเธอว่าสิริมาหลายปีดีดัก ฉันไม่ได้ใช้ไอโฟน ไม่ค่อยรู้เรื่องเสียงเรียกระบบปฏิบัติการโต้ตอบ แม้แต่โอเคกูเกิ้ลของแอนดรอยด์ฉันก็ยังไม่ค่อยใช้ ได้แต่บ่นพึมพำกลับไปหามันว่าไม่ได้พูดกับแกเสียหน่อย มือฉันยังคงสั่นระริกตอนจุดบุหรี่สูบ กลิ่นคาวเลือดปะปนบางกับกลิ่นสบู่ล้างมือ ฉันหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน -เพียงพอให้หายใจเข้าออกยาว ๆ ช้า ๆ สักสองสามนาที ระหว่างนี้ฉันก็เดินหาพลั่วสนามในสวน คาบบุหรี่เหมือนสิงห์อมควันในหนังคาวบอย นั่งยองขุดหลุมด้วยสองมือลงไปลึกประมาณหนึ่งและทิ้งก้นบุหรี่ที่ดับกับพื้นดินลงในหลุม มีรอยลิปสติกสีแดงของฉันติดอยู่บาง ๆ สิริพิมพ์ไม่ชอบให้ฉันทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น เธอบอกก้นกรองมันย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ เธอจะหาที่เขี่ยบุหรี่หรือถังขยะสำหรับบุหรี่ของเธอได้เสมอ ฉันเอาตีนปัดดินกลับลงไปกลบก้นกรองสีขาวเล็กน้อย เท่านี้เธอก็คงไม่มีวันรู้แล้ว ฉันโยนกระเป๋าซีลีนใบเก่งของเธอตามลงไป ราดน้ำมันไฟแช็คแล้วจุดไฟลาม มันใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนขวดแก้วน้ำหอมเธอส่งเสียงดังปุ้ง ไฟเรืองขึ้นมาเป็นสีเขียวชั่วคราว ก่อนจะกลายเป็นเปลวสีแสดตามเดิม หลุมที่ฉันขุดยังน่าจะลึกพอใส่เสื้อผ้าของสิริเพิ่มได้อีกหน่อย ฉันรู้จักกับสิริพิมพ์ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่บางแสน ชีวิตฉันแทบจะไม่มีอะไรเลยก่อนจะเจอเธอ เราสนิทเพราะเลขที่ติดกัน เธอเป็นประเภทคนในกลุ่มแบบที่คอยจะยกมือ แต่ไม่ใช่เพื่อตอบคำถาม มักจะเป็นคำถามซ้อนคำถามที่ทำให้อาจารย์ในคลาสหนักใจ บางทีก็ข้อโต้แย้งกลายเป็นข้อถกเถียงเลยเถิดจนจบคาบก็มี ฉะฉานจนฉันว่าอนาคตเธอเป็นดาวสภาได้สบาย หลังจากเรากินข้าวด้วยกันสองสามมื้อฉันก็โดดรับน้องของมหาวิทยาลัยตามเธอไป แล้วก็ตามเธอไปทุกที่ เดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมเธอเมื่อเบรค กินข้าวกลางวัน และมามหาวิทยาลัยด้วยกันพร้อมเธอ กลุ่มของเรามีอยู่ห้าคน -หญิงล้วน แต่มีแต่สินิทราและสิริพิมพ์ หนีบกันไปจนมีคำเรียกเราเป็นพหูพจน์ คือ สินิ-สิริ คล้าย ๆ กับโฟร์-มด หรือนิว-จิ๋ว ปีหลัง ๆ ก็กลายเป็นรูมเมท อ่านนิยายญี่ปุ่นสันสีม่วงจากคนเขียนคนโปรดของเธอ นักเขียนที่เธอโม้ว่าเขาจะได้โนเบลจนวันนี้ก็ยังเห็นว่าไม่มีวี่แวว ส่วนฉันแนะนำให้เธอรู้จักฟังวงดนตรีร๊อคสุดเท่จากแมนเชสเตอร์ เราได้ลองหัดสูบบุหรี่ตามศิลปินอะไรแบบนั้น แต่ตามตรงฉันคิดว่าก่อนหน้านั้นฉันไม่ได้รู้จักเธอทั้งหมดหรอก แม้จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งกลุ่มบ้างตามวันหยุดยาว ดีปทอล์ค จนคืนหนึ่งเธอก็เจอจิมมี่ สักร้านแถวบางลำพูช่วงที่เรามาเวิร์คชอปนักศึกษากัน จิมมี่เป็นคนที่ฉันฝันทั้งชีวิตอยากจะเป็น ขบถทุกอย่างและอุดมด้วยอารมณ์ขัน ทักษะดนตรีอันฟู่ฟ่า เสื้อผ้าที่เขาเลือกใส่ ยกเว้นเรื่องชีวิตส่วนตัว เขาเปิดตัวคืนนั้นด้วยการแจมบลูส์กับนักดนตรีประจำร้านด้วยกีตาร์เทเลคาสเตอร์ ยี่ห้ออะไรก้ไม่รู้แต่ไม่น่าใช่ของดัง ผลัดกันริฟฟ์และไล่สเกลประชันบนคีย์เดียวกันแบบหน้าบิดเบี้ยวไม่มีใครยอมแพ้ใคร แล้วเขาก็เดินเข้ามาชนแก้วและชวนคุยกับฉันและก็สิริพิมพ์ -พิม เธอให้เขาเรียกเธอแบบนั้น กระดกคราฟต์เบียร์กันอยู่ เขาแนะนำตัวว่าจบดนตรีจากบอสตัน สอนอยู่มหาวิทยาลัยดุริยางค์แถวนี้ กลิ่นมัสก์ที่ผสมน้ำหอมของเขาฉุนจนฉันคิดว่าเขาอาบมันมา สิริพิมพ์คิดว่าเขามีเสน่ห์ แต่ฉันว่างั้น ๆ คืนนั้นเขาเลือกแอดไอจีฉันมา และพิมพ์ประโยคว่า - can I have Pim’s IG? หลังจากนั้นใครก็น่าจะเดาออก จิมมี่ก็คบกับสิริ จิมมี่กลับอเมริกาไปหลังจากนั้นหลายเดือนเพราะร้านที่เล่นประจำเปลี่ยนเจ้าของ หลังจากเรียนจบ ฉันกับสิริก็แยกย้ายกันไปทำงาน สิริไปทำงานโปรดักชันเฮาส์ ไปอยู่เบื้องหลังทำพวกหนังอินดี้ประกวด หนักแน่นดีเหมือนกับที่เธอเป็นตลอด ฉันเข้าเอเจนซี่เจ้าดังที่สาธร เพราะอยากทำงานกับคนเก่ง ๆ และรับเงินเดือนเยอะ ๆ ทำตัวเองให้บ้างานอยู่พักหนึ่งก็ผ่านไปสี่ปี แล้วก็ได้ข่าวว่าสิริพิมพ์ลาออกจากงาน ตั้งใจไปทำโปรดักชันของตัวเองที่บอสตันกับจิมมี่ และมีแผนจะแต่งงาน ฉันรู้เรื่องนี้พร้อมเพื่อนคนอื่น ๆ ในกลุ่มแชท ไม่มีอะไรพิเศษ ฉันเพียงแต่คิดว่าเธอกับเขาคบกันนานแล้วก็อาจจะถึงเวลาสักที แล้วสองปีหลังจากนั้นก็ผ่านไปเร็วอีกเหมือนกัน ฉันกับสิริหายกันไปแบบที่ไม่มีใครเป็นต้นเหตุ ฉันคิดถึงเธอบางครั้งและหวังว่าอากาศที่บอสตันจะดีกว่ากรุงเทพฯ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีจากจอตอนสี่ทุ่ม หลังจากแก้หนังโฆษณาลูกค้าที่ไม่ถูกใจรอบที่ไม่รู้เท่าไรของคืนนี้ ก็พบข้อความจากสิริ --เธอบอกว่าชีวิตหลังแต่งงานแม่งแย่ว่ะ จิมมี่มีคนอื่นตลอดเวลาที่ทำได้ ล่าสุดสักคนในบรรดาหญิงเหล่านั้นเท็กซ์มาหาเธอว่ากำลังตั้งท้อง เธอกำลังวางแผนเดินทางกลับมาไทย หนีมาจากคนใจร้ายอย่างเขา ฉันนั่งนับนิ้ว อยากรู้ว่าสี่ทุ่มของที่นี่เป็นเวลากี่โมงที่บอสตัน เธอเก็บของกลับมาด้วยหมด เอกสาร กล้องและเสื้อผ้าหลายกระเป๋า ฉันไม่ได้คิดว่าจะหนักหนาขนาดนี้และคิดว่าน่าจะคลี่คลายได้แต่ก็ตัดสินใจขับรถไปรับเธอกลางดึก เธอโผกอดฉันตั้งแต่พบหน้า ร้องไห้อย่างหมดแล้วซึ่งทุกอย่าง สิริทิ้งน้ำหนักตัวลงบนไหล่ฉัน ให้ฉันพาไปที่ไหนก็ได้บนโลก สิริพิมพ์ยังนอนหลับตาพริ้มที่เดิมเมื่อฉันเดินกลับเข้าไป มีของที่ฉันอาจจะต้องเผาทิ้งอีกหลายอย่างทีเดียว ฉันมองหาโทรศัพท์แอนดรอยด์พับได้ของฉันแต่ไม่เจอ คิดถึงข้อมูลอะไรหลายอย่างที่ต้องลบเหมือนกันข้างในนั้น ครั้นจะเอามือถือของสิริพิมพ์โทรเข้า ฉันก็ไม่เคยรู้รหัสของเธอ ไม่เคยอยากรู้ด้วย ฉันใช้เวลาไม่มากกวาดเสื้อผ้าสิริพิมพ์ออกจากราว เลือกหนังสือบนชั้น นั่งคิดว่าเล่มไหนของฉัน เล่มไหนของเธอ -เล่มไหนของเรา แม่งเอ้ย บางเล่มก็ตอบไม่ได้เพราะซื้อมาอ่านด้วยกัน แล้วเล่มที่ฉันซื้อเล่มหนึ่งและเธอซื้อเล่มสองล่ะ ฉันจะทิ้งมันลงอย่างไร สุดท้ายแล้วก็โยนลงกล่องไปได้ไม่มากเลย ฉันเจอกล่องซีดีเพลงคอรินน์ ไบลีย์ เรย์เจ้าของเพลงโซลที่เธอชอบร้องประจำในห้องน้ำ อยู่ช่วงหนึ่งเรามีเครื่องเล่นซีดีจากมูจิตัวเท่อยู่ตัวหนึ่ง เธออยากได้แผ่นเสียง แต่ฉันเสนอว่าซีดีประหยัดลงไปได้อยู่ ตกยุคแล้วเท่ได้เหมือนกัน สุดท้ายแล้วเราก็เลือกเปิดจากสตรีมมิงอยู่ดีเพราะมันง่ายกว่า ทิ้งเลยก็ดีเหมือนกัน ฉันทยอยแกะโน้ตโพสท์อิทที่มีลายมือของเธอหน้ากระจก หน้าประตู หน้าตู้เย็น ทีละแผ่น สอดลงไปในหนังสือเล่มโปรดของเธอที่ฉันอ่านไม่เคยจบ เอาของทุกอย่างมาใส่ลังกระดาษบนโต๊ะ กองชีทของเธอคละรวมลงไปกับภาพฟิล์มจากโพลารอยด์สองสามแผ่น เรายิ้มคู่กันในนั้น ฉันปลดเสื้อผ้าของเธอทั้งร่างไม่ไหวติง กระดุมเสื้อเกรฮาวนด์ที่เธอเลือกสีอยู่นาน เสื้อในแบบไร้ขอบ ยอดเนินนมเจาะจิวเป็นก้านไว้หนึ่งข้าง รอยสักในที่ลับที่ฉันรู้เสมอว่ามันอยู่ตำแหน่งแห่งไหน ฉันปลดเข็มขัดเอชแอนด์เอ็มแบบที่เรามีเหมือนกันคนละเส้น เขย่ากางเกงยีนออกจากขายาวเก้งก้าง กลิ่นของเธอยังชัดเจนและปนปะไปกับคาวเลือดบาง ๆ ฉันปล่อยร่างเปล่าเปลือยของเธอนอนอยู่ตรงนั้น และโยนเสื้อผ้าชุดสุดท้ายลงไปในกล่อง “ทิ้งแล้วนะ สิริ” ฉันเอ่ยกับเธอที่ยังหลับใหล โทรศัพท์ไอโฟนอือฮึฉันกลับมาอีกครั้ง ฉันไม่แน่ใจว่ามันแยกเสียงของฉันกับสิริพิมพ์ไม่ออกหรืออย่างไร แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่มันเตือนให้ไม่ลืมให้ทิ้งมันลงไปด้วย ทุกคนอาจจะเรียกเธอว่าพิม แต่ฉันเรียกเธอว่าสิริมาตั้งแต่แรก ฉันมาก่อนไอโฟนจะมีระบบปฏิบัติการชื่อโหลนี่เสียอีก ฉันออกไปทำงานตอนสาย ส่วนเธอไม่ทำอะไร นั่ง ๆ นอน ๆ และเปิดซีรีส์จากสตรีมมิงดู บางวันเธอก็ร้องไห้ขึ้นมากลางดึก และตื่นแต่เช้าตรู่มาดูคลิปหมาในรายการข่าวของสรยุทธ ฉันกอดเธอในบางคืน กลิ่นกายของเธอที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำที่ไม่รู้หายไปตอนไหนก็กลับมา เราเคยสนิทกันแล้วคงไม่แปลกเลยที่เราจะกลับมาสนิทกันอีก ตอนนั้นฉันวางแผนจะออกจากงานอยู่บ้าง มีแผนอยากกลับไปเปิดร้านกาแฟ ฉันพอมีฝีมือทำขนมปังอยู่นิดหน่อย ก็ดูไม่มีความหวังหรอก แต่จะให้ทำงานหนักแบบนี้ไปทั้งชีวิตก็ไม่ไหว ชวนสิริไปทำงานบรรณาธิการ ทำหนังสือกันเองแบบที่เราชอบสมัยเรียนวางในร้านไปด้วย หกปีนี้เธอไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนอกจากร่องรอยแห้งกร้าน รอยยับเล็ก ๆ ตรงถุงใต้ตา ผิวที่ตกกระเหมือนผิวพวกฝรั่ง ส่วนสิ่งที่ฉันมองไม่เห็นเลยคือความเปราะบางและเจ็บปวดที่เธอเก็บไว้มิดชิด ฉันจูบกับเธอตอนที่เราเมามากในคืนวันศุกร์หนึ่ง ประเด็นคือแอลกอฮอล์ไม่ควรใช้เป็นข้ออ้าง ไม่มีใครเริ่มก่อน รุ่มร้อน รวดเร็ว มันเกินเลยไปมากกว่าประทับริมฝีปาก เราแลกลิ้นสลับกับโลมเลียในอ้อมกอด เหมือนฟืนที่คุจนประทุเปลวฟุ้ง แต่เยือกเย็นเหมือนคลื่นที่ระเร่าสู้แรงลม ไม่มีใครห้ามใครอีก เราจุดคบเพลิงที่ไม่แน่ใจว่าจะลามพาเราไหม้ไฟไปจบตรงไหน แต่ตอนเช้ามันก็ง่ายเหมือนเดิม ฉันเดินไปทอดไข่ดาวและเธอก็มาจดจ่อกับรายการสรยุทธตอนเช้าเหมือนทุกวัน ไม่มีคำอธิบายความสัมพันธ์ของเราอื่น มันดำเนินไปหลวม ๆ เพื่อน -เพื่อนร่วมห้องที่เอากันบ้างในเวลาว่างเปล่า ฉันเพิ่งคิดว่าได้รู้จักสิริพิมพ์ด้านจู้จี้และบงการ ฉันทำอะไรก็ไม่วายโดนเธอไม่พอใจสักอย่างอยู่ดี เช่นลืมปิดไฟห้องน้ำหรือแกะพัสดุของเธอโดยไม่ตั้งใจอะไรประมาณนั้น สามเดือนหลังจากนั้นฉันลาออก เอาเงินเก็บมาลงทุนที่บ้านหลังนี้ ทำร้านกับเธอถึงตอนนี้ก็เกือบสองปีแล้ว ฉันมีต้นไม้ไซซ์เล็กถึงกลางเกือบสามสิบต้นได้แล้วเพราะสิริเป็นคนออกแบบสวนข้างหน้าบ้านเอง ไม่กี่เดือนก่อนมีกุหลาบด้วยแต่ตายหมดแล้ว พลั่วสนาม บัวรดน้ำและปุ๋ยหลังบ้านก็ของเธอ ฉันไม่ชอบการทำสวนเลยเป็นเรื่องที่เธอจัดการให้หมด เราเหมือนได้มาใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ ตอนโต ทะเลาะกันแรงขึ้น แล้วก็เอากันบ่อยขึ้น การเรียกเธอว่าสิริเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ได้ถูกเงาของจิมมี่ทับทาบ แต่มันก็คอยสร้างความน่ารำคาญให้เราอยู่เหมือนกัน ครั้งหนึ่งระหว่างที่ฉันและเธอกำลังดื่มด่ำในภวังค์ใคร่และมือไม้ของเธอก็ล้วงล้ำเข้ามายังเนินสงวนของฉัน พอฉันอุทานชื่อเธอ -สิริ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดัง “อือฮึ”โต้ตอบขึ้นมา ไม่มีใครมีอารมณ์กันต่อ เราหัวเราะในร่างเปล่าเปลือยเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอน ไม่มีใครตั้งค่าอะไรกับมันเช่นกัน ค้างคาไว้แบบนั้น หลุมดินตื้นกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เพราะความทรงจำของฉันที่มีต่อเธอมันเยอะเกินกว่าที่คิดเอาไว้ ฉันขุดหลุมเพิ่มจากกองเถ้าของกระเป๋าซีลีน ราดน้ำมันก้าดที่เหลือตามไปจนหมดขวดและจุดด้วยไฟแช็กของสิริพิมพ์ที่ยังไม่ได้คืน ยืนรอจนไฟมอด กลบมันกลับลงไป และเดินกลับเข้าไปในบ้าน เก็บบ้านจนทั่วแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าโทรศัพท์ของฉันอยู่ที่ไหน ฉันเอาสิริพิมพ์ห่อลงซองพลาสติกที่เอาไว้คลุมเครส ยาวพอจะเอาสิริพิมพ์ยัดลงไปได้ทั้งตัว ฉันเลือกมาแบบมีซิปรูดเปิดตรงกลาง และสีแดงเข้มของพลาสติกโทนที่เธอชอบ เหมือนดอกกุหลาบจากหนังสือของอองตวน ซูเปรี เธอคือกุหลาบและจิมมี่คือเจ้าชายผู้ไม่แยแสของเธอ ฉันไม่ชอบกุหลาบแต่เธอชอบมันมากกว่าดอกไม้อะไรทั้งสิ้นแล้วในโลก เมื่อเธอชอบกุหลาบ เธอจะชอบมันโดยไม่กังวลว่ามันจะซ้ำกับรสนิยมใคร แค่รักมันก็ไม่เห็นต้องมีคำถามอะไรตามมา จิมมี่มาตามหาเธอที่กรุงเทพฯ เมื่ออาทิตย์ก่อน สารภาพผิดทุกอย่างกับแม่ของสิริพิมพ์ โทรศัพท์ของเธอสั่นเป็นร้อยสาย เธอบอกฉันว่าเธอไม่กลับไปหาเขาไม่ต้องกลัว แต่เมื่อถึงเวลาค่ำคืน เตียงห้าฟุตของเราก็กว้างเกินไป มันมีไว้ให้เราหันหลังแก่กันเท่านั้น เห็นแค่แสงสะท้อนแสงจอโทรศัพท์จากผนังอีกฝั่ง ห้วงเวลาข่มตาหลับระหว่างเธอนอนอ่านข้อความเหล่านั้นสำหรับฉันแทบจะเป็นนิรันดร์ วินาทีที่เธอไม่มีฉัน เป็นวินาทีที่ฉันเหลือตัวเปล่าเล่าเปลือยเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้แล้ว แล้วมันก็แย่กว่านั้นเมื่อเขายอมแพ้บินกลับไป ทุกอย่างแห้งแล้งเหมือนถูกฟิลเตอร์ไอจีของหน้าหนาว สิริพิมพ์กลับมานั่ง ๆ นอน ๆ กินเหล้า และตื่นกลางดึกเพื่อร้องไห้ เธอปล่อยกุหลาบหน้าบ้านตายไปทั้งแปลงจนฉันต้องเริ่มรดน้ำแทนเธอบ้าง ไม่อย่างนั้นไม้ใบของเราก็จะตายตามไปด้วย เราทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องมากขึ้นไปอีกจากปกติที่มีปากเสียงกันตลอด วีซ่าสหรัฐฯของเธอกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่เดือน จนเธอเริ่มเอ่ยปากอยากกลับไปหาเขา ฉันหลงรักความหัวแข็งดื้อด้าน และก็ยังรักเธอที่นอนเงียบตรงนี้มาเกือบสี่ชั่วโมง ฉันเขย่าข้อมือดูนาฬิกาอีกครั้ง เวลายังคงไหลไปอย่างเอื่อยเฉื่อย อยากใส่กุหลาบสีแดงลงไปในหีบห่อสักดอก แต่ฉันหาไม่ได้เลยจริง ๆ ตอนนี้ ได้แต่คิดก่อนจะหิ้วปีกของเธอจากในซองไปขึ้นรถ ฉันจอดรถเอาไว้ใต้ต้นหูกระจงไม่ไกลจากร้าน มีบึงบัวอยู่แห่งหนึ่ง เวลาค่ำ ๆ ที่ฉันขับผ่านบางคืนจะมีหิ่งห้อย แต่คืนนี้ไม่มีสักตัว ฉันลากสิริพิมพ์อย่างทุลักทุเลลงจากหลังรถ ลากเธอไปตามพุ่มไม้อย่างใจระวัง ไม่อยากให้เธอตื่น ลากเธอลงไปส่งในน้ำด้วยตัวเอง ฉันประคองตัวเองและลากหีบห่อที่กำลังคายพรายอากาศพรูออกมาเป็นฟองพร้อมมวลน้ำที่ไหลเข้าไปทดแทนออกไป พอลากออกมาลึกถึงประมาณหนึ่งฉันก็ดำดิ่งลงไปด้วยกันกับเธอ ลาเธอกับก้อนหินขนาดเท่าลูกแมวถ่วงทับร่างเธอไว้ไม่ให้ลอยกลับขึ้นมาพบกับใคร และกลับขึ้นฝั่งด้วยตัวเปียกโชก ฟ้ากำลังค่ำ อีกสองสามอาทิตย์บึงนี้จะเปิดเป็นบ่อตกกุ้ง มีต้นสนสวยและต้นหลิวแบบที่สิริพิมพ์น่าจะชอบเลย มีดอกหญ้าขึ้นรอบ ๆ รายทาง น่าเสียดายไม่ได้มีจังหวะเล่าเธอฟัง ฉันขึ้นมานั่งบนรถด้วยร่างที่ชุ่มโชกและสกปรกไปด้วยใบจอกใบแหน กดสตาร์ทเครื่องด้วยปุ่ม มือซ้ายรีบบิดแอร์ไปที่ช่องเครื่องหมายปิด หนาวสะท้านไปทั้งตัว แล้วฉันก็ได้ยินเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังต่อเนื่องสองสามครั้งแถว ๆ เบาะคนนั่งทางซ้าย ที่หาทั้งวันนี่อาจเป็นว่าฉันทิ้งโทรศัพท์ตัวเองไว้ในรถหรอกเหรอ ฉันเอื้อมตัวก้มลงควานหาจนกระปุกเกียร์กระแทกเข้ากับหางคิ้วจนปวด คว้าโทรศัพท์ได้เครื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่โทรศัพท์ฝาพับของฉัน หน้าจอขึ้นวอลเปเปอร์เป็นดอกกุหลาบ -โทรศัพท์ของสิริพิมพ์ ข้อความยังคงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงอย่างฉันได้แต่มองอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ฉันนึกว่าใส่มันลงในกล่องและเผาไปพร้อมกับเสื้อผ้าของเธอแล้ว ฉันเปิดประตูรถอีกครั้งเพื่อเอามันลงไปด้วย กดปิดสัญญาณที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้รหัส แล้วขว้างมันลงน้ำด้วยความแรงเท่าที่ทำได้ เห็นมันหายต๋อมไปกับความมืดไกลสุดตา ก่อนจะพาร่างที่อ่อนล้าของฉันเองขับกลับบ้าน สิ่งแรกที่ฉันทำเมื่อกลับมาถึงคือการอาบน้ำอุ่น สางผมสยายสีอมน้ำตาลแห้ง ๆ รับสายฝักบัวจนชุ่ม เร่งจนพอให้ลวกผิวแสบยิบ ๆ ลงสบู่กลิ่นเปลือกส้มผสมกลิ่นสะอาด ขัดตัวเองทุกซอกมุม ฮัมเพลงโปรดของเธอออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ Girl, Put your records on Tell me your favorite song You go ahead, let your hair down Sapphire and faded jeans I hope you get your dreams Just go ahead, let your hair down You're gonna find yourself somewhere, somehow คราบไคลที่หลังแขน ร่องเข่า ฟองสบู่ไหลตามลงมาปกคลุมซอกนิ้วในคราวที่ฉันสัมผัสล้างไปถึงจุดที่สงวน ฉันลูบไล้ตนเองจนดำดิ่งลงไปอีกจนพอใจ เช็ดตัวจนแห้งและไดร์ผมหมาด กวาดสายตาไปรอบ ๆ บ้าน บ้านดูสะอาดแต่แปลกไปถนัด ฉันพรมน้ำหอม ลงครีมหมักผม รินไวน์แดงจิบ พลางไล่ดูความเรียบร้อย ตอนนี้เหลือแต่เพลง ไม่มีเครื่องเล่นซีดีแล้วแต่ฉันก็ยังพอสร้างสุนทรีจากเครื่องเล่นไร้สายได้ ปัญหาเดียวคือยังหามือถือเปิดเพลงไม่เจอ ฉันร้องโอเคกูเกิ้ลกับความว่างเปล่า ทำไมโทรศัพท์ค่ายนี้ไม่ตอบรับดีแบบมือถือของสิริพิมพ์บ้าง ไม่กี่วินาทีถัดมา ฉันตัดสินใจลองเปล่งเสียงบางคำจากในใจ ‘สิริ’ ไม่มีอะไรตอบกลับมาในความว่างเปล่า เสียงห้องยังสงบเงียบ ฉันถอนหายใจเบา ๆ คว้ากระปุกมาสก์หน้าก่อนเดินกลับไปที่ห้องนอน เตียงห้าฟุตยังคงเละเทะด้วยหมอนและผ้านวมที่กองก่ายกัน ถ้าสิริพิมพ์อยู่ฉันคงโดนสวดไปแล้วที่ไม่เก็บที่นอน เมื่อเลิกผ้าฉันก็พบว่าโทรศัพท์ของฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียง ฉันเอามันมาวางลืมตรงนี้หรือมันอยู่ตรงนี้มาตลอดตั้งแต่เช้า แต่ช่างมันแล้ว ฉันกำลังจะได้ฟังเพลง กดเลื่อนลำโพงบลูทูธเปิดเสียงสุด วงร๊อคสุดเท่จากแมนเชสเตอร์ของฉัน -ไม่ใช่ของเรา เพลงขึ้นได้ไม่ทันครบสี่ห้องเสียงเพลงก็หยุด จากสายโทรศัพท์ที่สั่นแทรกขึ้นมา ฉันชำเลืองดูชื่อเจ้าของสาย หัวใจยังชาวาบ เป็นสายเข้าของสิริพิมพ์ ฉันปล่อยให้เวลาผ่านไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้แรงสุดท้ายของวันนี้กดหน้าจอเพื่อรับสาย ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็เงียบเช่นกัน “เข้าเกทแล้ว อีกชั่วโมงนึงเครื่องจะออก” น้ำเสียงคุ้นเคยเป็นเสียงของสิริพิมพ์ “ขอโทษสำหรับทุกอย่าง… ขอบคุณสำหรับช่วงเวล..” “จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ” ฉันตอบเธอและกดวางสาย ขัดจังหวะฟังเพลงเสียจริง มือฉันหักครึ่งโทรศัพท์มือถือดังเป๊าะเป็นสองชิ้นด้วยความหงุดหงิด อารมณ์เสีย พอมือถือฉันพังลงไปแบบนั้น เพลงก็ดับลงไปด้วย ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงัด วันนี้ฉันพังเพราะเธอ กระดกไวน์ก้นแก้ว แล้ววางทิ้งขว้างไว้แถว ๆ หัวเตียง คว้าสวิทช์ไฟและปิดลง แผ่กายลงบนเตียงห้าฟุตและผ้านวมในไฟโคมสลัว ร้องเรียกสิริในความมืด ขอให้ปลุกฉันขึ้นมาตอนเช้า กินไข่ดาว และดูสรยุทธ
ขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดภายในเว็บไซท์ Copyright by http://www.espressoandcigarette.com