บีกับวีร่า
โดย อธิษฐ์ ปรีดา
เปล่า บีไม่ได้เกิดตกหลุมรักนางแบบนู้ดชาวรัสเซียคนนั้นตอนเห็นหล่อนเปลื้องผ้าหรอก จะบ้าเหรอ คนอะไรจะหื่นกามไม่รู้กาลเทศะแบบนั้น บีไม่ได้เกิดความรู้สึกอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นความใคร่อยาก หรือวาบหวาม หรืออยากครอบครองหล่อนแต่เพียงผู้เดียว ต่อให้ร่างที่เปลือยอยู่ต่อหน้าคนนับสิบในตอนนี้จะสดสวยเปล่งปลั่งและเต่งตึงสะพรั่งด้วยความสาวแค่ไหนก็ตาม ก็ภาพนู้ดมันคือศิลปะ และเวลาศิลปินทำงานศิลปะ สภาวะจิตก็จะเข้าสู่พื้นที่วิสุทธิ์ทางสมาธิ แม้จะเป็นสมาธิทางโลก แต่มันก็คือสมาธิเข้มข้นปราศจากซึ่งราคีอื่นใดเช่นกามตัณหา ในสภาพนั้นใครมันจะไปมีอารมณ์กลัดมัน วูบวาบ ต้องการลูบไล้สัมผัสผิวเนื้อเนียนวาวราวกับเครื่องแก้วของหล่อนกันเล่าปัดโถ่
ด้วยความสัตย์จริง บีไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหล่อนสวยชะมัด สวยเป็นบ้า สวยจนชะงักตอนเดินเข้าประตูมา พูดให้เจาะจงกว่านั้นก็คือ หล่อนเป็นผู้หญิงประเภทที่เขาชอบเป็นพิเศษเป็นทุนเดิม รูปร่างกระทัดรัด ไม่แต่งหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว มีรอยสักยึกยือเป็นตัวอักษรภาษารูนซึ่งคงจะมีความหมายทางจิตวิญญาณอะไรสักอย่างสำหรับหล่อนอยู่ที่ข้อเท้า หน้าตาท่าทางไม่แยแสโลก ตอนบีมาถึง หล่อนกำลังเปลื้องผ้า ทีละชิ้น ทีละชิ้น เนิบนาบไม่เร่งร้อน เห็นได้ชัดว่าหล่อนทำสิ่งนี้มาหลายครั้งและมีพิธีกรรมเล็กๆ ส่วนตัวเพื่อพาตัวเองเข้าสู่สถานะบางอย่างที่ใกล้เคียงกับการเข้าฌาน แต่สิ่งที่สะกดบีให้ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อมากที่สุดคือผมของหล่อน แดดสี่โมงเย็นส่องผ่านม่านไม้และละอองฝนที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ และเมื่อต้องแดด เรือนผมสีทองอันพองฟูด้วยลักษณะผมที่หยิกเป็นลอนเล็กละเอียดทั่วทั้งศีรษะก็เรืองแสงวาวสว่างเหมือนกลุ่มด้ายทองที่ใช้ถักทอภูษาของกษัตริย์ในเทพนิยาย ในห้วงขณะนั้น บีรู้สึกว่าหล่อนเหมือนตัวละครในเรื่องเล่าของพี่น้องกริมม์ ดูเปราะบาง ในขณะเดียวกันก็ถูกห้อมล้อมด้วยพลังประหลาดลึกลับยากจะอธิบาย – แม่เจ้าโว้ย ขนาดบีเองยังไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองลิเกเจ้าบทเจ้ากลอนได้ขนาดนี้
ถึงขนาดนี้แล้วคุณคงทำใจเชื่อได้ยากถ้าบีจะยืนยันว่าเขาไม่ได้แอบชอบหล่อนจริงๆ แต่ขอสาบานโดยเอาชีวิตแมวข้างบ้านบีชื่อไอ้บู้เป็นประกัน – แม้ว่าบีจะต้องมนต์ขนาดไหนในบ่ายแก่อ่อนโยนนั้น หากการณ์ไม่ปรากฏว่าบีจะได้พบกับหล่อนอีก ความรู้สึกทุกอย่างคงจะจบลงในห้องเล็กๆ บนชั้นสองของสตูดิโอเล็กๆ หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บีจะลืมหล่อนภายในสองคืน หรือหลังจากกินเบียร์เข้าไปสักสี่ขวดเป็นอย่างมาก ใบหน้าของหล่อนจะเลือนหายไปในสายธารใบหน้าอีกนับหมื่นที่เคยไหลผ่านเข้ามาในชีวิตบี และร่างเปลือยของหล่อนก็จะมีเส้นขอบที่คมชัดน้อยลงเรื่อยๆ กระทั่งกลายเป็นเพียงเส้นโค้งและเส้นตรงเหมือนผู้คนในภาพวาดประหลาดๆ ของปิกัสโซ่ และบีก็เกือบจะลืมหล่อนไปแล้ว ในตอนที่ได้รู้ว่าหล่อนชื่อวีร่า
“ฉันชื่อวีร่า” ภาษาอังกฤษของหล่อนหนักอึ้งด้วยสำเนียงรัสเซีย หากพูดอย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้องทางสังคม เขารู้สึกเหมือนหล่อนพร้อมขากเสลดใส่หน้าเขาตลอดเวลา
“ผมชื่อบี” ภาษาอังกฤษของบีดีทีเดียว ฟังดูออกไปทางอเมริกัน ความจริงเขาก็ไม่ได้เรียนโรงเรียนนานาชาติหรือเคยไปเรียนต่างประเทศหรอก บีฝึกเอาเองทั้งนั้นจากการเสพย์สื่อตะวันตกมาตั้งแต่วัยรุ่น
งานปาร์ตี้เล็กๆ ของทอมกำลังจะจบลงแล้ว คนกำลังทยอยกลับ แขกในงานแทบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่เชียงใหม่เป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน อาจมาเรียนคอร์สภาษาหรือมวยไทย หรืออาจทำงานทางไกลและเดินทางตระเวนท่องโลก แต่ส่วนใหญ่มีจุดร่วมตรงกันอย่างหนึ่งคือทุกคนสนใจศิลปะ ทำงานศิลปะ หรือไม่ก็แสร้งว่าสนใจและทำงานศิลปะ เพราะคงดูเท่ห์เอาเรื่องถ้าได้บอกคู่เดทที่เจอในแอพหาคู่ว่า ‘อ้อ ผมมาทำงานศิลปะที่นี่’ – โอ้โห แทบละลายเลยนั่น ดูมีรสนิยมเสียนี่กระไร
อาจพูดได้ว่าวีร่าก็เป็นคนเทือกๆ นั้นแหละไม่ต่างกันมาก หล่อนอายุแค่ 22 เรียกได้ว่าเป็นวัยค้นหาตัวตน วัยแสวงหาทางจิตวิญญาณ วัยตั้งคำถามกับชีวิต พูดได้อีกอย่างว่าเป็นวัยที่ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่เป็นโล้เป็นพายในนามของอิสรภาพและความจริงแท้ของจักรวาล งานเป็นแบบนู้ดเป็นรายได้หลักของหล่อนที่เมืองไทย และทำให้หล่อนรู้จักแวดวงฝรั่งศิลปินเชียงใหม่ซึ่งรวมถึงทอมผู้เป็นเจ้าของแกลเลอรีและสตูดิโอหลังมหาลัยนั่นด้วย
ส่วนบีเหรอ หลังจบมหาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เขาไปเข้าโครงการขายแรงงานแลกที่ซุกหัวนอน และโอกาสได้เป็นทาสในเรือนเบี้ยของบริษัทขายฝันระดับโลกโดยจับมันอัดก้อนยัดใส่แอนิเมชันและสวนสนุก และตั้งแต่กลับมา บีก็พบว่าตัวเองแทบไม่เหลือเพื่อนคนไทยในเชียงใหม่เลย
“คุณมาจากไหนในรัสเซียนะ มอสโควเหรอ”
วีร่าหัวเราะ แม้แต่เสียงหัวเราะของหล่อนก็เหมือนเสียงกลั้วคอตอนแปรงฟัน
“ไม่ใช่ พูดชื่อไปคุณก็ไม่รู้จักหรอก บ้านเกิดฉันเป็นเมืองหลังเขา ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเจริญ และคงไม่เจริญแล้ว”
“แล้วคุณมาอยู่เชียงใหม่ได้ยังไง”
บีไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าคำตอบธรรมดาสำหรับคำถามธรรมดาแบบนี้: เบื่อบ้านเกิด ชอบเมืองไทยและผู้คน ที่นี่ค่าครองชีพถูก หรืออะไรทำนองนั้น คำตอบประเภทที่บีมั่นใจว่าถ้าทำสำรวจชาวต่างชาติในช่วงวัย 18-35 ปีหนึ่งพันคนว่าเหตุใดจึงมาลงเอยที่เชียงใหม่ เก้าร้อยห้าสิบคนก็จะตอบคล้ายๆ กันแบบนี้แหละ (ด้วยพื้นเพวิชาสถิติที่เคยเรียนสมัยมหาลัย) ดังนั้น เขาจึงงงวยเป็นอย่างยิ่งเมื่อหล่อนตอบว่า
“ฉันอยากไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีหิมะ”
ก่อนจะเริ่มร้อยเรียงยาวเหยียดว่าแม่หล่อนตายในอุบัติเหตุโดนเกวียนทับในวันหิมะตกหนัก และยายของหล่อนได้รับส่วนแบ่งอาหารน้อยนิดเท่าข้อนิ้วก้อยสมัยสหภาพโซเวียต เพราะแบบนี้แหละทุกครั้งที่เขากินอะไรเหลือและกำลังจะทิ้ง (บีกำลังพยายามลดน้ำหนักอย่างขันแข็งอยู่ในขณะนั้น) หล่อนจึงฉวยมากินต่อทุกครั้ง และเพราะแบบนี้แหละ หล่อนจึงรู้สึกสงบที่สุดเวลาเป็นแบบวาดภาพ –นิ่งงันไร้การเปลี่ยนแปลง เหนือกาลเวลา และถูกมองเห็นในทุกซอกมุม
ความพิศวงของบีเกิดขึ้นจากหลายอย่าง ประการแรกอาจเพราะเขาดื่มเบียร์ไปน้อยกว่าหล่อน (เบียร์ก็เป็นเครื่องดื่มที่แคลลอรีสูงอย่างร้ายกาจและทำให้คุณมีห่วงยางรอบเอวที่ลดยากอย่างยิ่ง) ส่วนอีกประการอาจเป็นเพราะบีไม่เคยนึกฝันว่าคนที่สวยเจิดจรัสอย่างหล่อนจะมานั่งคุยกับผู้ชายอย่างเขาสองต่อสองได้เป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้คุณจะไม่เข้าใจ รำคาญ หรือไม่อยากฟังแค่ไหน ถ้าคนที่พล่ามเรื่องส่วนตัวให้คุณฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกมีเพศสภาพที่ตรงกับรสนิยมทางเพศของคุณ และมีลักษณะทางกายภาพที่ตรงกับความนิยมชมชอบของคุณ คุณก็จะทนนั่งฟังเขาหรือเธอพล่ามไปได้เรื่อยๆ โดยไม่คิดจะขัดหรือขอตัวลุกไปที่อื่น และเมื่อรู้ตัวอีกที คุณก็กำลังพล่ามเรื่องส่วนตัวระดับลึกที่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังมาเป็นชาติอย่างออกรสด้วยเหมือนกัน
มันเริ่มขึ้นง่ายๆ แบบนั้นแหละ ครั้งแรกตอนบีใส่เสื้อผ้าแต่วีร่าเปลือย ครั้งที่สองตอนที่ทั้งคู่ใส่เสื้อผ้าและกรึ่มเบียร์ประมาณหนึ่ง บีโสดมาแล้วสองปีครึ่งหลังจากเลิกกับแฟนชาวอเมริกันด้วยเหตุผลว่าเขาดูหนังโป๊และช่วยตัวเองตอนเธอกลับประเทศ ส่วนวีร่า – นี่เป็นสิ่งที่บีมารู้ภายหลังเมื่อทั้งคู่สนิทกันแล้ว – ช้ำรักมาจากรัสเซียและต้องการไปที่ไหนก็ได้ในโลกนี้หลังความสัมพันธ์จบลง อาจเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากบางอย่าง หรืออาจเพื่อหนีจากบางอย่างในตัวเองให้ไกลที่สุด – แน่นอนว่าไอ้ที่ที่ว่านั่นจะต้องไม่มีหิมะ
“คุณอายุเท่าไหร่”
ไอ้บู้นอนอยู่บนตักของวีร่า อุ้งมือเขี่ยปอยผมสีทองของหล่อนไปด้วย ไอ้บู้มักจะเถลไถลจากบ้านมานอนเล่นที่สตูดิโอทำงานศิลปะเช่าของบีซึ่งมีเครื่องปรับอากาศ และจะกลับบ้านเมื่อมันหิวเท่านั้น หลังรู้จักกันได้ราวสองสัปดาห์ วีร่าก็โผล่มาที่สตูดิโอของเขาแทบทุกวันด้วยข้ออ้างว่ามาหาไอ้บู้
“ปีนี้ 32”
“มีอะไรจะบอกตัวเองตอนอายุ 22 ไหม”
“รีบๆ มีเซ็กส์ได้แล้ว มันดีกว่าที่คิด”
“แปลกว่ะ ฉันนึกว่าไอ้หนุ่มไฟแนนซ์อย่างคุณจะมีคำแนะนำที่มีประโยชน์กับชีวิตกว่านี้ คิดแต่เรื่องใต้สะดือนี่หว่าไอ้แก่โรคจิต”
“อ้าว หาเรื่อง ว่าใครแก่ไม่ทราบ ผู้ชายอายุ 32 นี่มันวัยกำลังฮ็อต อีกอย่าง คำแนะนำของผมเนี่ยมีประโยชน์ที่สุดแล้ว ถ้าได้มีเซ็กส์ตั้งต่เนิ่นๆ ผมว่าผมจะมีแรงบันดาลใจในชีวิตกว่านี้ บางทีผมอาจจะเลิกทำงานไฟแนนซ์มาเป็นศิลปินตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้อาจจะดังระเบิดไปแล้วก็ได้”
“เว่อร์เป็นบ้า ใช้หัวล่างนำทางนี่นา”
บีรักน้ำหนักของการยั่วล้อในบทสนทนาระหว่างพวกเขาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายในลักษณะหว่านเสน่ห์โดยที่ในใจก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่บางครั้งไอ้ความกระชุ่มกระชวยจากการได้ไปดูหนัง กินกาแฟ ไปแกลเลอรีกันสองต่อสองมันก็จวนเจียนจะกระฉอกออกมาเป็นความรู้สึกอยากไปไกลกว่าเพื่อนอยู่หลายครั้ง บีเสพย์ติดการใช้เวลากับหล่อน และยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะเสพย์ติดความเสี่ยงของการเดินบนเส้นด้ายของการประคองอารมณ์ไม่ให้ถลำลึก เป็นความเสพย์ติดอะดรีนาลีนแบบเดียวกับนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่เอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิดในการแข่งขันแต่ละครั้ง
คุณว่าผู้หญิงรู้ไหมเวลาเพื่อนผู้ชายที่สนิทชนิดเล่าทุกเรื่องให้ฟังได้กำลังกดข่มความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนอยู่ภายใน
เป็นคำถามที่น้ำเน่าสิ้นดี แต่ชีวิตก็ถูกผลักดันด้วยคำถามน้ำเน่าแบบนี้แหละ
“อยู่กับคุณแม่งพิเศษว่ะ”
อยู่ๆ หล่อนก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย บีหันไปมอง และพบสายตาของวีร่าทอดมองมา
“ฉันไม่ได้สนิทกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว อยู่กับคุณแล้วสบายใจดี”
ดูเหมือนวีร่าเองก็กำลังเล่นเกมเสี่ยงอันตรายอะไรบางอย่างอยู่ พูดตามตรง บีไม่แน่ใจหรอกว่าเขาชอบหล่อนจริงๆ หรือหวั่นไหวเพียงแค่เพราะอยู่คนเดียวมานาน เขาเพียงแค่รู้ว่าเขาลิงโลดเพียงใดเมื่อเห็นตัวเองในตาหล่อน ได้ยินเสียงหล่อนตอบคำถามที่เขาถาม ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่แน่ใจพอๆ กันว่าวีร่าพูดอะไรแบบนี้ออกมาเพราะรู้สึกพิเศษกับเขา หรือเพราะเธออยู่ในสภาวะเปราะบางเหมือนผีเสื้อที่เพิ่งออกจากดักแด้แบบที่คนมักจะเป็นกันหลังออกจากความสัมพันธ์ใหม่ๆ
ในระหว่างที่เขายังพยายามตกตะกอนไปด้วย และยังใช้เวลากับวีร่าทุกวันอยู่นั้น คืนหนึ่งที่ห้องเช่าเล็กๆ ย่านนักศึกษาที่หล่อนเช่าไว้ จู่ๆ วีร่าก็พูดว่า:
“รู้ไหม ฉันว่าเซ็กส์ที่ดีที่สุดคือเซ็กส์กับเพื่อน โปร่งเบา ไม่ผูกมัด ไม่มีความคาดหวังที่มากับการเป็นแฟน”
“เหรอ ผมไม่เคยมีเซ็กส์กับเพื่อนด้วย ที่ผ่านมาก็มีแค่กับแฟนมาตลอด”
“อืม หลังๆ ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่าอยากลองใกล้ชิดกับเพื่อนคนหนึ่งมากกว่านี้... แต่ก็ยังเป็นในฐานะเพื่อนนะ”
“อ้อ” บีชะงักไปหนึ่งอึดใจ “ผมรู้จักเพื่อนคนนั้นไหม”
“น่าจะรู้นะ ฉันก็ไม่แน่ใจ”
“เหรอ...”
แล้วฝุ่นในห้องก็ล่องลอยช้าลง ความเงียบก็ทอดมองทั้งสองอย่างกระสับกระส่าย
ในชั่วขณะนั้น บีไม่แน่ใจ เขาไม่แน่ใจตัวเองด้วยซ้ำว่าไม่มั่นใจอะไร แวบหนึ่ง เขาเห็นภาพตัวเองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง – แทบทับซ้อนกับวีร่าที่เปลือยเปล่าต่อหน้าเขา – แล้วความรู้สึกเย็นวาบอย่างหนึ่งก็แล่นปลาบไปทั่วร่างกาย (ซึ่งเขารู้ดีว่ามีดัชนีไขมันเกินมาตรฐาน) โดยศูนย์รวมความยะเยือกทั้งหมดอยู่ที่อุ้งเชิงกรานของเขา กาลเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ในที่สุด เป็นวีร่าที่พูดขึ้นมา
“จริงๆ ฉันอาจจะแค่อยากให้มีคนอยู่ด้วยก็ได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ก็แค่นั้น"
บางสิ่งอ้อยอิ่งในดวงตาหล่อน บางสิ่งที่โปร่งใส แววาว เศร้าสร้อย
...
“ถ้างั้น – เป็นผมได้ไหม”
...
บางทีบีก็อดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า ถ้าเขาพูดประโยคนี้ออกไปจริงๆ ในตอนนั้น หล่อนจะตอบว่าอย่างไร เพราะหลังจากคืนนั้น โดยไม่มีใครพูดอะไร หล่อนก็เลิกติดต่อบี และแม้กระทั่งไอ้บู้ก็ไม่ได้เจอวีร่าอีก
แล้วมันก็จบลงง่ายๆ แบบนั้นแหละ ครั้งแรกตอนบีใส่เสื้อผ้าแต่วีร่าเปลือย ครั้งท้ายๆ ตอนที่ทั้งคู่ใส่เสื้อผ้าโดยไม่มีใครถอดอะไรออกทั้งสิ้นทั้ง ไม่มีการพูดคุยให้คลี่คลาย ไม่มีบทสรุปหรือตอนจบ ในบางครั้งคราวบีก็นึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นย้อนไปมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง พลางนึกสงสัยว่าทุกอย่างจะต่างจากนี้ไหมถ้าเขาเพียงแค่พูดออกไป ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามไม่คิดถึงมันมากนัก ใช่ น่าเสียดายที่มิตรภาพกับเพื่อนคนหนึ่งต้องจบลง แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบไปแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีก
และภายไม่เกินนาน วีร่าก็ค่อยๆ เลือนหายไป อาจไม่ถึงกับกลายเป็นภาพเบลอและเส้นสายเหมือนคนที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน แต่ความคมชัดของหล่อนก็เจือจางลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหลือเพียงผมสีทองที่เรืองแสงแวววาวยามต้องแดดในบ่ายอิ่มฝนในวันแรกที่พวกเขาเจอกันเท่านั้น ที่ยังฝังอยู่ในความทรงจำของเขาด้วยสีสันอันสดสว่างเท่าเดิม
และหากจะมีอะไรสักอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ก็คือบีไม่เคยวาดภาพนู้ดใครอีกเลย
|